เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 7 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่แยกอโศกมนตรีว่า มวลชนนับร้อยคนร่วมกันขี่ จยย.เข้าร่วมกิจกรรม “ไบค์ม็อบ” โดยเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากแยกอโศกมนตรีพร้อมบีบแตรยาว และใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท ก่อนที่จะกลับรถแยกพระโขนง โดยเคลื่อนขบวนรวมทั้งหมด 3 รอบ

ต่อมาเวลา 16.34 น. พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ เข้าเจรจากับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ถึงการจัดกิจกรรมว่าเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิดและผิดกฎหมาย จากนั้นนายสมบัติ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีการบริหารงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้งการบริหารจัดการวัคซีนและการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด

ทั้งนี้บางช่วง นายสมบัติ ระบุในการปราศรัยว่า ช่วงนี้มีการตรวจหาเชื้อน้อยลง ทำให้เจอผู้ติดเชื้อน้อยลง รัฐบาลอ้างว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ถ้าอยากรู้ว่าตัวเลขเท่าไรต้องมีการเพิ่มปริมาณการตรวจให้มากขึ้น รัฐบาลปิดยอดผู้ติดเชื้อ ควบคุมตัวเลขในการรายงาน ทำให้ไม่รู้ว่าตัวเลขจริงๆ มีจำนวนเท่าไร และประชาชนไม่รู้ว่าตนเองได้รับเชื้อหรือไม่ ถ้าคุณยอมรับความจริงคุณก็จะแก้ปัญหานี้ได้ แต่คุณปิดกั้นเป็นเวลานาน ทำให้การควบคุมโควิดล้มเหลว รัฐบาลไทยกลัวว่า ถ้าเจอคนติดโควิดตัวเลขจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไร้ความสามารถ

ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในการชุมนุมที่ผ่านมาพบว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนมากเป็นขบวนรถจักรยานยนต์ วันนี้จึงจัดกิจกรรมที่เรียกว่า ‘ไบค์ม็อบ’ เพื่อสะสมมวลชนก่อนที่จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ และจะยังใช้แยกอโศกเป็นฐานที่มั่น วันนี้จะลองประเมินโมเดลของขบวนของรถจักรยานยนต์ ก่อนจะขยาย และออกแบบการนัดหมายใหญ่ ชุมนุมใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ได้ให้รถจักรยานยนต์ นำสติกเกอร์ไล่ประยุทธ์ ไปติดในละแวกบ้านตามความเหมาะสม ส่วนภาคเวทีจะเป็นอีกวันที่เปิดพื้นที่เป็นเวทีสาธารณะให้มวลชนได้มาแสดงความคิดเห็น และขณะนี้กระแสของคนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ มีจำนวนมากแล้ว แต่สภาพแวดล้อมยังไม่เอื้ออำนวย จึงต้องปรับรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 และเพื่อให้มีมวลชนออกมาร่วมชุมนุม

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ขณะนี้จะต้องปั้นม็อบให้จุดติดก่อน ก่อนจะไปสู่ม็อบขนาดใหญ่ โดยจะใช้เวลาประเมิน 1 สัปดาห์ หากไปต่อได้ก็จะไปต่อ แต่หากไปต่อไม่ได้ก็จะต้องมาทบทวน ซึ่งสัญญาณการจุดม็อบติดนั้น คือ ปริมาณมวลชนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น และเติบโตขึ้น และเมื่อจุดติดแล้วก็จะประกาศวาระการชุมนุมใหญ่ โดยวาระที่จะถึงคือวันครบรอบ 15 ปี รัฐประหาร 19 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นวาระสำคัญที่จะประกาศนัดชุมนุมใหญ่ ส่วนป้อมค่ายที่อโศกจะตั้งสำเร็จหรือไม่ ก็จะใช้เวลาประเมิน 10 วันก่อนถึง 19 กันยายน ส่วนกิจกรรมการนัดชุมนุมในวันที่ 19 กันยายน นั้น ถือเป็นวันสัญลักษณ์ของการสูญเสียประชาธิปไตย และการรัฐประหาร 22 พ.ค. คือผลสืบเนื่องจาก 19 กันยา ดังนั้นจึงถือเป็นวันหมุดหมายสำคัญที่จะชวนประชาชนแสดงพลังครั้งใหญ่ต่อต้านเผด็จการ ขับไล่พลเอกประยุทธ์ ส่วนรูปแบบ เวลา จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง คาดว่าอาจจะเริ่มต้นจากแยกอโศกมนตรีแห่งนี้นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการุชมนุมใหญ่ จะมีมวลชนมามากน้อยแค่ไหนนั้น มองว่า หากเป็นรูปแบบคาร์ม็อบ มวลชนจะออกมาร่วมกันจำนวนมาก และทำได้ทุกนัด แต่หากลงถนนก็ยังเป็นการทดลอง หากชุมนุมยืดเยื้อก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ในเชิงปริมาณไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ประเด็นหลักคือความจริงของสถานการณ์ที่จะสะท้อนการแสดงออกของประชาชนอย่างไร ถ้าจะเดินไปข้างหน้าจะต้องดูรูปแบบว่าจะเดินไปอย่างไร อาจจะผสมผสาน คาร์ม็อบ รถจักรยานยนต์ และคน ซึ่งยังอยู่ในการปรับรูปแบบอยู่ ทั้งนี้หากประเมิน 2 วันที่ผ่านมา ก็ถือว่า ทุกอย่างยังอยู่ในความพอใจ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ตนและนายสมบัติ ไม่ได้แสดงตัวเป็นแกนนำ แต่มาเพื่อสร้างโมเดลการต่อสู้ และเปิดพื้นที่ในการต่อสู้เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นบริเวณแยกอโศกมตรี ได้มีฝนตกลงมา ทำให้ชุมนุมยุติในเวลา 19.30 น.