วงการฟุตบอลไทย ลุกเป็นไฟ กับเหตุหลังเกม “ช้างศึกจูเนียร์” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุด 17 ปี พ่าย “โสมขาว” เกาหลีใต้ 1-4 ร่วงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลอายุไม่เกิน 17 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2023 เกมที่ปทุมธานี สเตเดี้ยม พร้อมชวดไปฟุตบอล 17 ปีโลก จากการเตะเมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 มิ.ย. 66

หลังขณะนักบอลไทย เข้าไปขอบคุณแฟนบอลอัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ (ฝั่ง S) ปรากฏว่า แฟนบอลจุดพลุขึ้นมาจำนวนมาก ควันไฟคลุ้งโขมง จากนั้นทีมงานเรียกนักเตะเดินกลับไป แต่แฟนบอลกลุ่มนั้นไม่พอใจ ตะโกนต่อว่านักเตะไทย ในการจุดพลุ มีเจ้าหน้าที่ของ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) บันทึกภาพไว้ชัดเจน ทั้งนี้ ก่อนเกมก็มีการจุดพลุด้านนอกสนามเช่นกัน

“กีฬาเดลินิวส์” ได้รับรายงานข่าวถึงกระบวนการจุดพลุในครั้งนี้ว่า วิธีการของกลุ่มกองเชียร์ ในการเอาพลุเข้าไปนั้น จะใช้วิธีให้คนจำนวนมากๆ 100-200 คน เก็บพลุไว้ คนที่เข้าสนามไปก่อน ไม่มีพลุ ตรวจไม่เจอ แต่พอบอลจะเริ่มเตะ เริ่มร้องเพลงชาติ กลุ่มคนที่มีพลุเหล่านี้ ก็จะอัดเข้าไปทีเดียว โวยวายว่าบอลจะเตะแล้ว ทำให้ยากที่เจ้าหน้าที่ตรวจ เพราะมีคนจำนวนมากๆ เข้ามาพร้อมกัน

อ่านข่าว : ‘Ultras’ โพสต์ ‘แพ้แต่สวยงาม’ ยอมรับหน้าชื่นตาบาน ‘ทำลายบอลไทย’

ขณะเดียวกัน แกนนำของกลุ่มที่ถูกมองว่าเป็นผู้จุดพลุนั้น มีชื่อตำแหน่งว่า “คาโป” นับเป็นตำแหน่งสูงสุดของกลุ่มเชียร์นี้ คอยให้จังหวะกำกับทุกอย่าง ซึ่งบุคคลที่ปรากฏในเหตุเมื่อคืนวันที่ 25 มิ.ย. นั้น คือคนที่เขวี้ยงพลุลงไปในสนาม ส่วนคนที่จุด ไม่ปรากฏหน้าชัดเจน ซึ่ง “คาโป” คนนี้ ปัจจุบันยังมีคดีค้างคาอยู่กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ นอกจากนี้รายงานระบุว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าตัว “คาโป” โพสต์เฟซบุ๊กว่าอยู่ต่างจังหวัดหลายวันแล้ว เพื่อเป็นการสับขาหลอก แต่ก็มีหลายคนจับโป๊ะได้ ว่าเจ้าตัวอยู่ในสนามด้วย.