เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 แถลงผลปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้น 4 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกสรทลายเครือข่ายแก๊งเรดเลเบิ้ล โรแมนสแกรม เพื่อตามจับบุคคลตามหมายจับ 11 ราย

โดยจุดที่น่าสนใจคือการเข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ C407 ชั้น4 เจอาร์ แมนชั่น ซอยอ่อนนุช 25 ก่อนจับกุมนายเอ็มบีมา โฟฟาน่า อายุ 30 ปี สัญชาติ โกตดิวัวร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1997 /2566 ลงวันที่ 23 มิ.ย. ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน พร้อมของกลาง เงินสดจำนวนหนึ่ง ซิมโทรศัพท์ เอกสารการโอนเงินไปยังต่างประเทศจำนวนมาก นอกจากนี้จากการตรวจสอบหนังสือพบว่าเดินทางเข้ามาโดยใช้วีซ่านักเรียน,นักศึกษา โดยระบุมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งในส่วนนี้ต้องประสานกับทางสตม.และสถานศึกษาว่าเข้ามาเรียนและใช้วีซ่าผิดประเภทหรือไม่

สำหรับภาพรวมในจุดอื่นๆที่ตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อีก 2 ราย ประกอบไปด้วย MR. BRIGHT CHISOM NMEREM อายุ 30 ปีสัญชาติ ไนจีเรีย ได้คอนโดย่านเพชรเกษม 39 , และนางอังคณา คาห์น อายุ 33 ปี ได้ที่ย่านพระรามสาม พร้อมของกลาง นาฬิกาหรูหลายรายการ อาทิยี่ห้อโรเล็กซ์ ปาเต๊ะ ทองคำรูปพรรณ ทองคำแท่ง กระเป๋าแบรนด์เนมจำนวนมาก สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ

การปฎิบัติครั้งนี้เป็นการทลายเครือข่ายโรแมนสแกรมที่ออกอุบายหลอกผู้เสียหายให้รัก จากนั้นให้โอนเงินซึ่งขบวนการนี้จากแนวทางสืบสวนพบว่ามีการแบ่งงานกันทำ โดยจะมีกลุ่มสร้างโปรไฟล์ปลอมหลอกเหยื่อ, กลุ่มบัญชีหน้าม้า มีหน้าที่เปิดบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงซิมโทรศัพท์ ให้กับกลุ่มคนร้ายใช้ ในการรับ-โอนเงินของผู้เสียหาย, กลุ่มหน้าม้ากดเงินและควบคุมการโอนเงินเพื่ออําพรางเส้นทางการเงิน และกลุ่มจัดการทางการเงิน หรือ โพยก๊วน แลกเปลี่ยนเงิน

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า การปฎิบัติการในครั้งนี้สามารถจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งสิ้น 5 ราย โดยสำหรับพฤติการณ์การก่อเหตุของขบวนการนี้ จะใช้วิธีการเดิมๆในการสร้างโปรไฟล์ Facebook ปลอมและหาภาพถ่ายฝรั่งผิวขาวหน้าตาดีมาสร้างโปรไฟล์ว่าเป็นแพทย์ทหาร ของประเทศต่างๆ สหรัฐอเมริกาหรือสหราชอาณาจักร โดยอ้างว่าจะเกษียณอายุราชการทหารและมีทรัพย์สินเป็น 1,000 ล้านบาท และอยากย้ายมาใช้ชีวิตบั้นปลาย ในประเทศไทย โดย จะเลือกเหยื่อเป็นหญิงสาวสูงอายุที่มีฐานะทางการเงินดี เมื่อเริ่มตีสนิทและเหยื่อเริ่มหลงเชื่อ ก็จะเริ่มหลอกลวงเช่นถูกจับเป็นตัวประกันและไม่สามารถถอนเงินในบัญชีเพื่อจ่ายเงินค่าไถ่ได้ หรือต้องการเดินทาง มาประเทศไทยแต่ติดปัญหาเรื่องการเดินทาง

จากข้อมูลพบว่ามีผู้เสียหายชาวไทยที่ถูกขบวนการนี้หลอกลวงมากกว่า 50 รายในจำนวนนี้มี 3 รายที่เข้าให้ปากคำกับทางตำรวจ โดย หนึ่งในผู้เสียหาย ให้ข้อมูลกับ ตร.สอท. ว่ามีการโอนเงินให้ถึง 30 ล้านบาท ซึ่งจากที่ได้ข้อมูลมาจากบุตรสาวของผู้เสียหายทราบว่ามารดาเพิ่งมีการพูดคุยกับทางคนร้ายได้เพียง 2-3 วันก็มีการโอนเงินให้ โดยจากการตรวจสอบในขบวนการดังกล่าวทำให้ทราบว่าหลังจากที่คนร้ายได้เงินจากทางผู้เสียหาย ก็จะดำเนินการโอนส่งต่อไปยังบัญชีต่างๆเพื่ออำพรางเส้นทางการเงิน ก่อนไปรวมที่บัญชีนางสาวอังคณา ผู้ร่วมขบวนการคนไทยจากนั้นเงินจะถูกแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล ผ่านบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงิน และแปลงกลับเป็นสกุลเงินไนจีเรีย โอนเข้าบัญชีผู้ต้องหาคนดำปลายทางในไนจีเรีย โดยใช้ระยะเวลาไม่เกิน 10 นาทีในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่าจะมีการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเมื่อดำเนินการโอนก็จะสามารถทำให้ถอนเงินบัญชีปลายทางในประเทศไนจีเรียได้ทันที และจากการสอบปากคำเบื้องต้นทำให้เชื่อว่ามีการโอนเงินออกนอกประเทศไปแล้วมากกว่า 100 ล้านบาท

พล.ต.ต.อำนาจ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตั้งแต่ในช่วงเดือนเมษายน จนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลาเพียง 2 เดือน พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีนางสาวอังคณา กว่า 300 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาชาวต่างชาติทั้งสองรายให้ข้อมูลกับทางตำรวจว่าจะได้ส่วนแบ่งจากการหลอกลวงผู้เสียหายคิดเป็นเงินไทยที่อัตรา 1,000 บาทต่อ 1 บาท ส่วนผู้ร่วมขบวนการชาวไทยที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีรับโอนและแลกเปลี่ยนเงิน จะได้ส่วนแบ่งที่ 5 -7 % ต่อยอดการหลอกลวงผู้เสียหาย และตัวนางสาวอังคณาก็ยังได้ค่าดำเนินการในการจัดหาคนต่างชาติผิวสีเข้ามาในไทย และมีการจัดปาร์ตี้คนผิวสีเป็นประจำ อย่างไรก็ตามคดีนี้ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 6 คน โดยเป็นกลุ่มบัญชีม้าระดับล่าง ที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุม ส่วนหัวหน้าขบวนการใหญ่ เชื่อว่าอยู่ในประเทศไนจีเรีย

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวเสริมช่วงท้ายว่า ขบวนการนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไนจีเรีย 419 หรือไม่ อยู่ระหว่างการขยายผล รวมทั้งในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกลุ่มร้านแลกเงิน ซึ่งหลังจากนี้ได้รวบรวมแผนประทุษกรรม เพื่อรายงานไปยัง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการดำเนินการทำฐานข้อมูล รวมทั้งทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ก็ได้ให้ความสำคัญต่อการปราบปรามอาชญากรรม.