จากดีลสิทธิประโยชน์ไทยลีก ไล่มาถึง 16 สโมสร จะดึงไปจัดแข่งขันเอง กระทั่งแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 28 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

มีจุดเชื่อมโยงที่น่าสนใจ

ไล่ถอดรหัสข้อมูล “หน้าฉาก” แบบเอาเท่าที่เห็น แล้วค่อยไปแงะดู “เบื้องหลัง” ในลำดับต่อไป

ข้อมูลที่ปรากฏกันทั่วไป สิทธิประโยชน์ไทยลีก 4 ฤดูกาล ข้อเสนอที่ได้มา ต่ำกว่าที่คิดไว้เยอะ จึงต้องเรียกประชุม และต้องให้ระดับบิ๊กๆ มาประชุมด้วย เพราะเรื่องใหญ่

วันอังคารนัดประชุม ระหว่างที่ถกเครียด มีกระแสข่าวออกมาว่า มีเจ้าเดียวยื่นประมูล ราคาแค่ 50 ล้านบาทต่อฤดูกาล ทั้งที่ต้นทุนจัด ทะลุ 340 ล้านบาท

หลังประชุม นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก.ไทยลีก ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เกริ่นด้วยข้อเสนอที่ยื่นมาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และ “กระทบอย่างมีนัยสำคัญ” กับสโมสร

พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ บอกว่า ตัวเลข 50 ล้าน ที่มีกระแส ก็มียื่นมาจริง แล้วก็มีมากกว่านั้นด้วย แต่ก็ยังรับไม่ได้

ดังนั้น 16 สโมสรก็จะเอาไปบริหารจัดการสิทธิประโยชน์กันเอง หวังว่าจะได้เงินมากขึ้น

วันถัดมา อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พล.ต.อ.สมยศ ที่คนถามว่า หายไปไหน ในช่วงวิกฤติแบบนี้

บิ๊กอ๊อด แถลงการณ์ยาวเหยียด เอาเนื้อๆ เน้นๆ “วงการฟุตบอลไทย ถูกแทรกแซงโดยทุกขั้วอำนาจ ทั้งการเมือง ธุรกิจ เรื่องส่วนตัว เป็นเวทีต่อรอง กลายเป็นพื้นที่แห่งความขัดแย้ง แตกแยก เวทีต่อรอง ส่วนตัวยังไม่ตัดสินใจจะลงสมัครชิงนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต่อหรือไม่

นี่คือการแฉ นี่คือการอยากบอกอะไรให้โลกรู้ แต่พูดไม่ได้

ช่วงค่ำวันเดียวกัน “เสี่ยฟลุ๊ค” ธนวัชร นิติกาญจนา ของ ราชบุรี เอฟซี โพสต์ว่า “ข้อมูลที่ผมได้มาเกี่ยวกับมูลค่าไทยลีก จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้มีบริษัทหนึ่งยอมจ่ายมากกว่าปีที่แล้วด้วยซํ้า ที่เขากล้าจ่ายก็แน่นอน ก็เพราะเขารู้ตัวเลขและสถิติจริง มีคนดูจริง เขารู้ว่าจ่ายแล้วคุ้ม แต่อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทําให้ดีลล่มไป ปีที่แล้วมีธราทร ปีนี้มีชนาธิป 50 ล้าน ตลกแล้วครับ”

ปมคือข้อเสนอ 50 ล้าน เป็นไปได้อย่างไร ที่ต่ำขนาดนี้ ย้อนเลยมาถึงโพสต์ของ “เสี่ยฟลุ๊ค” มีบริษัทยอมจ่ายมากกว่าปีที่แล้ว (ปีที่แล้ว ประมาณ 300 ล้านบาท) แต่ดีลล่ม

และย้อนไปถึงแถลงของ พล.ต.อ.สมยศ วงการฟุตบอลไทยมีแทรกแซงจากการเมือง

ขมวดปมจากข้อมูลหน้าฉาก ลิขสิทธิ์บอลไทยควรจบ กงล้อควรจะหมุน แต่มีการแทรกแซง เอาไม้ไปขัด จนเกิดความปั่นป่วนสะเทือนถึงขั้นต้องแยกกันจัดเอง

กลไกการตลาดไทยลีกถูกแทรกแซง และนายกก็สุดทน จนต้องออกมาแฉ คีย์เวิร์ดคือ “แทรกแซง” และเป็น “เวทีต่อรอง”

ส่วนข้อมูลเบื้องลึกลงไป ที่ไม่ได้อยู่หน้าฉาก ไม่ได้อยู่บนโต๊ะ ไม่ได้เป็นข่าวเป็นทางการ

ก็ดังนี้

ดีลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด จริงๆ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ดีลจบกับบริษัทหนึ่งไปแล้ว ในราคาประมาณ 500 ล้านบาท ต่อฤดูกาล ซึ่งสมาคมฯ มองว่า ไม่ขี้เหร่ และโอเค

แต่ไม่นานมานี้ เกิดปัญหาดีลล่ม เพราะการแทรกแซง ที่มีผลจาก “การเมือง” ใช้เวทีฟุตบอล เป็นหนึ่งในเครื่องต่อรองทางการเมือง และบริษัทที่ตกลงไว้ทีแรก ที่จะให้ 500 ล้านบาทนั้น ขาหนึ่งไปมีเอี่ยวกับ “การเมือง”

มีเวทีต่อรองในเรื่องหนึ่งขึ้นมา (ที่ไม่เกี่ยวกับวงการฟุตบอล) และ “ดีลลิขสิทธิ์ไทยลีก” เป็นแค่เครื่องมือในการต่อรอง เมื่อไม่ได้อย่างที่ต้องการ จึงมีกระบวนการดึงขาให้ บริษัทที่คุยกันจบแล้ว ถอนตัว ทั้งที่บอลจะเปิดในกลางเดือน ส.ค. นี้ สโมสรเริ่มซ้อมกันแล้ว

ความปั่นป่วนจึงเกิดขึ้น

ส่วน 50 ล้านบาท ที่เสนอมา อย่าไปยึดเอาเป็นสรณะ เป็นการยื่นเพื่อ “กวนประสาท” ยื่นเพื่อ “ดิสเครดิต” เมื่อเป็นข่าว ในทำนอง “ด้อยค่าฟุตบอลไทย”

จึงเป็นที่มาที่ 16 สโมสร ต้องมาผ่าทางตัน เตรียมเอามาจัดเอง

ซึ่ง 16 สโมสรดังกล่าว ไม่ได้มีส่วนในการต่อรอง หรือดีลลับ ดีลล่ม แต่แรก เพียงแค่เข้ามาแก้ปัญหา

ปัญหาที่เข้ามาถึงตาจน

ถอยหลังชนกำแพง

ปัญหาที่เดิมพันด้วยอนาคตของวงการฟุตบอลไทยทั้งระบบ.