ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์” ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเตือนกินอาหารเผ็ดเกินไปอย่างเช่น น้ำซุปหมาล่า เป็นอันตรายต่อร่างกาย

โดยระบุว่า ได้รับคำถามเช้านี้จากนักข่าว กรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับ “ชาบูหมาล่า” ซึ่งเป็นที่นิยมของคนไทยมาก เนื่องจากมีรสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน แต่เจ้าของร้านชาบู กลับออกมาให้ความรู้ว่า ไม่ควรซดน้ำซุปหมาล่า เพราะจะทำให้ไม่สบายได้ คนจีนจริง ๆ เขาไม่นิยมซดกัน

ตามรายงานข่าวระบุว่า ผู้ใช้ TikTok บัญชี jayandyui ซึ่งเป็นเจ้าของ Hotpot Man ชาบูหมาล่า ได้อัดคลิปเตือน จากกรณีที่ลูกค้าขอเติมน้ำซุป ซึ่งเป็นหม่าล่า แต่ทางร้านจะเป็นให้ซุปใสแทน โดยให้เหตผลว่า ถ้ายิ่งเติมน้ำซุปหมาล่า น้ำจะยิ่งเค็มยิ่งเผ็ด อาจทำให้ท้องเสีย-มีปัญหากับลำไส้ได้ และปกติคนจีนไม่นิยมซดน้ำซุปหมาล่ากัน แต่นิยมใช้เอามาลวกต้มเนื้อสัตว์และผัก

โดยในคลิ มีข้อความว่า “ถ้าน้ำ ซุปหมาล่า แบบจีนแท้ ๆ จะผัดจากน้ำมันและสมุนไพรเครื่องเทศต่าง ๆ ยิ่งต้ม ยิ่งเผ็ดยิ่งเค็ม เพราะจริง ๆ แล้ว ซุปหมาล่าไม่แนะนำให้ซด ถ้าเราซด อาจจะมีผลต่อลำไส้เราได้ เพราะมันเผ็ดร้อนมาก ไปกินทีเมืองจีน ก็เติมเป็นซุปใสหรือน้ำชาค่ะ หากเพิ่มเบสหมาล่า ส่วนใหญ่ก็ต้องเพิ่มเงินค่ะ แต่ไม่แนะนำให้เพิ่มนะคะ สงสารไตลูกค้า”

และทางเจ้าของร้านได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “หากกินมาก อาจมีผลต่อลำไส้ อาจจะเป็นลำไส้อักเสบ หรือท้องเสีย ได้ คนจีนส่วนใหญ่จะไม่นิยมซดซุปหมาล่ากัน ใช้แค่ต้มลวก หมู เนื้อ ผัก เท่านั้น “

นอกจากนี้ในรายงานข่าว ยังมีการอ้างถึงเพจ Hotpot Man ชาบูหมาล่า ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีคนมาคอมเมนต์กันเยอะมาก ว่าเคยท้องเสียหลังจากกินหมาล่า โดยไม่รู้สาเหตุ “ด้วยความที่น้ำซุปหมาล่า ทำจากน้ำมันและวัตถุดิบที่เข้มข้น เครื่องเทศเยอะ จัดหนักจัดเต็มเพื่อความเผ็ดชา คนจีนไม่ได้ทำน้ำซุปหมาล่ามาเพื่อซด จะใช้จุ่มลวกเนื้อและอาหารอื่นๆ เท่านั้น เพราะด้วยความที่เครื่องเยอะ แค่จุ่ม ลวก ก็ถึงเครื่องได้รสความจัดจ้านเผ็ดชาของหมาล่าโดยไม่จำเป็นต้องซดน้ำซุปแล้ว คนจีนจึงมีหม้อคู่ 2 ฝั่ง หรือ 鸳鸯锅 เพื่อมีน้ำซุปไสไว้ซดคู่กับหมาล่า (ไม่ซดหมาล่า ซดฝั่งซุปไสแทน) หากใครชอบซดซุปหมาล่าแล้วท้องเสีย คือเรื่องปกติ”

ซึ่งทางเพจ Pobpad ได้ให้ข้อมูลเรื่อง “ผลกระทบต่อสุขภาพจากการกินเผ็ด” ไว้ว่า แม้ความเผ็ดจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกัน การกินเผ็ดก็อาจมีโทษบางอย่างต่อร่างกายได้เช่นกัน โดยอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนี้

ช่องปาก หลายคนอาจรู้สึกแสบร้อนภายในปากหลังจากกินอาหารเผ็ด โดยอาการแสบร้อนนี้ถือเป็นกลุ่มอาการแสบร้อนในช่องปาก ซึ่งอาจส่งผลต่อลิ้น เหงือก ริมฝีปาก แก้ม เพดานปาก และบริเวณอื่น ๆ ภายในช่องปากด้วย รวมทั้งอาจทำให้ปากแห้ง รู้สึกหิวน้ำ อาจสูญเสียการรับรส หรือทำให้ลิ้นรับรสชาติผิดเพี้ยนไปได้

ระบบทางเดินอาหาร สารแคปไซซินในพริกอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย คลื่นไส้ และอาเจียน ซึ่งในกรณีที่เกิดการอาเจียน กรดที่ไหลย้อนกลับมาจากกระเพาะอาหารอาจทำให้หลอดอาหารระคายเคืองได้ นอกจากนี้ การกินเผ็ดก็อาจส่งผลให้อาการของโรคแผลในกระเพาะอาหารรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น ผู้ป่วยโรคนี้จึงควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารเผ็ด เพื่อลดความเสี่ยงและช่วยไม่ให้โรคแผลในกระเพาะอาหารมีอาการรุนแรงขึ้น

ระบบทางเดินหายใจ การกินเผ็ดอาจเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้จมูกจากอาหาร ซึ่งเป็นโรคจมูกอักเสบชนิดที่ไม่ได้เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ แต่มีสาเหตุมาจากอาหารที่กิน โดยอาจทำให้มีอาการน้ำมูกไหลหรือมีเสมหะในคอหลังจากกินอาหารเผ็ด อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยบางชิ้นระบุว่าสารแคปไซซินอาจมีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้มีอาการดีขึ้นได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของสารแคปไซซินที่มีต่อโรคนี้อย่างชัดเจนต่อไป

ปัญหาสุขภาพอื่นๆ การกินเผ็ดอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอก นอกจากนี้ การกินเผ็ดอาจส่งผลให้อาการของโรคบางชนิดอย่างโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบรุนแรงขึ้นได้ เนื่องจากอาหารเผ็ดอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะระคายเคือง ซึ่งผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจมีการติดเชื้อบริเวณอวัยวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะด้วย อย่างไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ ดังนั้น ผู้ที่มีอาการของโรคดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการเลือกกินอาหารอย่างเหมาะสม

ดังนั้น เรื่องนี้ ก็น่าจะสรุปได้ไม่ยาก ว่ามันก็เป็นไปได้ที่การบริโภคอาหารที่ “เผ็ดจัดเกินไป” ย่อมไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ปากของเรา หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้ ไปจนถึงระบบขับถ่าย จึงควรพิจารณาดูระดับของความเผ็ดของอาหารที่รับประทานเข้าไปด้วย ว่าไม่ให้เผ็ดมากเกินไป และไม่ควรบริโภคบ่อยครั้งเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่เผ็ดจัด แบบ “น้ำซุปหมาล่า” นี่ครับ

ขอนำคำเตือนเรื่อง “อาหารรสเผ็ดดีหรือไม่” โดย ผศ.(พิเศษ) พญ.ฐนิสา พัชรตระกูล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาเสริมตรงนี้ด้วยครับ อาหารรสเผ็ดเป็นที่ชื่นชอบทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้การรับประทานเผ็ดอาจมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี
1.ช่วยให้เจริญอาหารเนื่องจากพริกมีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ช่วยให้กระเพาะอาหารส่วนต้นขยายตัวรับอาหารได้มากและนานขึ้น ทำให้ผู้ที่รับประทานอาหารรสเผ็ดสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น
2.ลดอาการปวดแสบร้อนในทางเดินอาหารเมื่อรับประทานรสเผ็ดเป็นประจำนอกจากความเผ็ดแล้ว ตัวรับสารแคปไชซินที่อยู่ในเยื่อบุทางเดินอาหารสามารถรับความรู้สึกปวดและแสบร้อนได้อีกด้วย ตัวรับนี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เมื่อถูกกระตุ้นซ้ำ จะเกิดความชินและทนต่อการกระตุ้นได้มาก จึงทำให้ผู้ที่รับประทานเผ็ดอย่างต่อเนื่องจะมีความรู้สึกปวด และแสบร้อนในทางเดินอาหารลดลง

ข้อเสีย
1.ปวด แสบร้อนบริเวณช่องปากและทางเดินอาหารผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารรสเผ็ดเป็นประจำอาจเกิดอาการแสบร้อนในปากแสบร้อนหน้าอก ปวดแสบท้อง และถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้น
2.ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้แปรปรวน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเผ็ดเพราะอาหารเผ็ดทำให้อาการแย่ลง และหากต้องการรับประทานอาหารเผ็ดเมื่ออาการของโรคดีขึ้นแล้ว ควรเริ่มรับประทานจากทีละน้อยก่อนแล้วปรับเพิ่มความเผ็ดขึ้น จะทำให้สามารถรับประทานอาหารรสเผ็ดได้โดยไม่ทำให้เกิดอาการกำเริบ

รับประทานเผ็ดอย่างไรให้อร่อยและไม่มีผลเสีย
1.เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ไม่รับประทานอาหารเร็วเกินไป เนื่องจากขณะรับประทานอาหารรสเผ็ดจะบริโภคได้มากและอิ่มช้าลง อาจส่งผลเสียต่อการควบคุมน้ำหนัก
2.ผู้ที่เบื่ออาหารหรือมีข้อจำกัดในการรับประทานอาหาร อาจปรุงรสชาติให้เผ็ดขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความอยากอาหาร
3.หากไม่ได้รับประทานรสเผ็ดเป็นประจำ ควรเริ่มบริโภคอาหารจากความเผ็ดระดับน้อยไปหามาก…