เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ กรมควบคุมโรค นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ศบค. เห็นชอบแผนจัดหาและฉีดในเดือน ต.ค. รวม 24 ล้านโดสแบ่งเป็น ซิโนแวค 6 ล้าน, แอสตราเซเนกา 10 ล้านโด๊ส, ไฟเซอร์ 8 ล้านโด๊ส รวมของ ซิโนฟาร์ม 6 ล้านโด๊ส ถือว่าค่อนข้างมาก หลังจากนี้เตรียมเร่งฉีดกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม มีรายละเอียดประกอบด้วย

(1) กลุ่มแรกประชาชนทั่วอายุ 18 ปี ขึ้นไปได้ฉีดเข็ม 1 ครอบคลุม 50% ของทุกจังหวัด และทำโควิดฟรีแอร์เรียในจังหวัดที่ฉีดครอบคลุม 80% โดยจะฉีดตามสูตรการฉีดวัคซีนไขว้ซิโนแวค-แอสตราฯ, สูตรแอสตราฯ-แอสตราฯ และสูตรแอสตราฯ-ไฟเซอร์ จำนวน 16.8 ล้านโด๊ส

(2) กลุ่มสองเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้เด็กอายุ 12-17 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดเรียน ใช้สูตรไฟเซอร์ 2 เข็ม จำนวน 4.8 ล้านโด๊ส แต่จะฉีดใครก่อนนั้นต้องหารือกับกระทรวงศึกษาอีกครั้ง

(3) กลุ่มสามแรงงานในระบบประกันสังคมฉีดสูตรซิโนแวค-แอสตราฯ จำนวน 1.1 ล้านโด๊ส, กลุ่มหน่วยงานอื่นๆ เช่น องค์กรภาครัฐ ราชทัณฑ์ เป็นสูตรซิโนแวค-แอสตราฯ จำนวน 0.5 ล้านโด๊ส

(4) กลุ่มสี่ผู้ที่ได้รับซิโนแวค 2 เข็ม ในเดือน มี.ค.-พ.ค. ตามลำดับ จะได้รับการฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนแอสตราฯ 0.5 ล้านโด๊ส ทั้งนี้จะประกาศให้ทราบล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ ขณะนี้ เริ่มดำเนินการบางส่วน เช่น ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และกลุ่มผู้ติดเชื้อแล้ว 1-3 เดือน

“ระยะต่อไปเราจะอยู่กับโควิดค่อนข้างนาน เพราะเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงตลอด จึงขอฝากให้คงมาตรการควบคุมป้องกันโรคแบบครอบจักรวาล สถานประกอบการให้ทำบับเบิล แอนด์ ซีล มากขึ้น วัคซีนไม่ใช่เครื่องมือเดียว ฉีดวัคซีนแล้วยังต้องคงเข้มมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล ต้องสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ” นพ.โอภาส กล่าว.