เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ทีมงาน สายไหมต้องรอด นำโดย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานายภาดา บัวขาว หรือโอ๊ต พราด้า ผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตจำเลยคดีฉ้อโกงเงิน 1,600 ล้าน ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เข้าร้องขอความเป็นธรรมจากกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งให้ตกเป็นผู้ต้องหา ระหว่างสู้คดี ไม่สามารถประกันตัวได้ ต้องติดคุกฟรี 4 ปี 8 เดือน หลังศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง จนถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อปีที่แล้ว ก่อนพบว่าทรัพย์สินของตัวเองที่ถูกยึดเป็นของกลางในคดี ได้สูญหายไปจำนวนมาก อีกทั้งเงินในบัญชีธนาคารที่ถูกอายัด ถูกเบิกถอนออกไปโดยปราศจากคำชี้แจงใด ๆ

นายภาดา ระบุว่า ถูกเข้าไปเกี่ยวข้องคดีนี้ เนื่องจากรับการว่าจ้างมาจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด หนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญของคดี สจล. ให้มาจัดงานอีเวนต์โปรโมตสินค้า 7 ล้านบาท โดยตนได้นำเงินจำนวนนี้ ไปจัดงานแล้วว่าจ้างดาราคนดัง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย หรือการยักยอกเงินมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด โดยศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้องตน และไม่มีการยื่นฎีกาต่อ ทำให้ตนบริสุทธิ์พ้นข้อกล่าวหา หลังจากพ้นโทษออกมาแล้ว ได้ไปยื่นขอทรัพย์สินที่ถูกอายัดคืน รวม 40 รายการ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้รับคืน ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าแบรนด์เนมกว่า 10 ใบ นาฬิกาหรู 3 เรือน สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท กำไลเงิน สร้อยพระเหลี่ยมทองแหวนเพชร แหวนทองคำขาว ธนบัตรสกุลเงินไทยและดอลลาร์

นายภาดา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีเงินสดที่ถูกอายัดไว้ในบัญชีธนาคารถูกถอนออกไปกว่า 8 แสนบาท รถ BMW Series 4 มูลค่า 4.7 ล้านบาท ที่หายไปไร้ร่องรอย ส่วนบ้านและที่ดินใน จ.ขอนแก่น มูลค่า 1.5 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่อ้างว่า ตนไม่ไปชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน จึงตกเป็นของที่ดินไปแล้ว ทั้งที่ความจริงตอนนั้น ที่ตนไม่สามารถชี้แจงได้ทันเวลา เพราะถูกคุมขังในเรือนจำ จึงดำเนินการทางเอกสารลำบาก รวมมูลค่าทรัพย์สินที่สูญหาย และไม่ได้คืนกว่า 8 ล้านบาท

นายภาดา กล่าวว่า ที่ผ่านมาพยายามติดตามทวงคืนทรัพย์สินมาโดยตลอด โดยเฉพาะเงิน 8 แสนบาท ที่หายไปจากบัญชี แต่เมื่อทวงถามไปทางธนาคาร ธนาคารก็ให้ไปติดต่อ ปปง. แต่พอไปสอบถาม ปปง. ก็ให้ไปพูดคุยกับสรรพากร จนสุดท้ายยังไม่ได้ความชัดเจน ยังไม่รวมถึงค่าเสียโอกาส และสภาพจิตใจที่ต้องติดคุก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำความผิด ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำ ตนลำบากมาก ถูกตราหน้าว่าเป็นคนชั่วขโมยเงินนักศึกษา ต้องโกหกลูก ว่าอยู่ต่างประเทศ และพูดคุยผ่านจดหมายเท่านั้น ส่วนลูก ก็ถูกล้อ ว่ามีพ่อเป็นคนขี้คุก ตนเสียใจมาก จนเคยคิดสั้นเกือบฆ่าตัวตายในเรือนจำ แต่เจ้าหน้าที่มาช่วยไว้ได้ทัน

ตนจึงอยากสอบถามเมื่อได้รับการพิสูจน์ว่าบริสุทธิ์ จะมีหน่วยงานใด ออกมาเยียวยารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้าง เพราะแม้แต่หลังออกมาจากคุกแล้ว ตนไปประกอบอาชีพอะไร ก็ถูกขุดคุ้ยข่าวเก่าจนไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ ล่าสุดตนซื้อลิขสิทธิ์เวทีนางงามประกวดชื่อดังที่จังหวัดชลบุรี แต่ก็ถูกเจ้าของเวทีคู่แข่ง ไลฟ์ด่าทอแล้วขุดอดีตของตนมาโจมตี ทำให้เสียโอกาสในการทำธุรกิจหลายอย่าง ดังนั้นหลังจากนี้ ตนจะมอบหมายให้ทางทนายความ รวบรวมพยานหลักฐานฟ้องกลับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในคดีนี้ ส่วนทางมหาวิทยาลัย ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องตนเองนั้น หากจะมาเจรจาเยียวยา ตนเองก็ยินดี

นายวรพันธ์ กลัดหว่าง นักวิชาการยุติธรรมชำนาญการ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า รายการเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา ที่ศาลไม่พิพากษาถึงที่สุด ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ กรมคุ้มครองสิทธิจะจ่าย เงินทดแทนระหว่างถูกคุมขังวันละ 500 บาท ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ตามอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และค่าจ้างทนายความไม่เกิน 100,000 บาท

นายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ หัวหน้าศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ในเรื่องทรัพย์สินของกลางที่หายไป ได้รับเรื่องเอาไว้ และจะให้ผู้เสียหายรวบรวมเอกสารทรัพย์สิน มายื่นในภายหลัง จากนั้นจะช่วยเร่งรัดติดตามทรัพย์สินกับหน่วยงานต่างๆ กลับคืนมา