สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ว่านายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่ามาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะสุดท้ายที่เหลืออยู่ จะมีผลอย่างแน่นอน ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ หลังเลื่อนมา 1 เดือน เนื่องจากกังวลการแพร่ระบาดของเชื้อเดลตา 
ทั้งนี้ ผับและไนต์คลับเตรียมกลับมาเปิดได้อีกครั้ง โดยจะไม่มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ และการเว้นระยะทางสังคม ขณะที่มาตรการควบคุมทางสังคม รวมถึงการทำงานที่บ้าน และการสวมหน้ากากอนามัย "จะได้รับการผ่อนคลาย"  และต่อจากนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ะคน แม้คำสั่งของจอห์นสันมีผลผูกพันเฉพาะกับเกาะอังกฤษ แต่มีความเป็นไปได้มากที่สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ จะยึดเป็นแนวทางปฏิบัติตาม
จอห์นสันกล่าวว่า สหราชอาณาจักร "ต้องเรียนรู้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสได้อย่างไร" เพราะวิกฤติสาธารณสุขครั้งนี้ยังห่างไกลจากความคลี่คลาย แต่ผู้นำสหราชอาณาจักรยอมรับว่า การผ่อนคลายมาตรการทั้งหมดจะทำให้ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 
ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มองว่า มาตรการที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะมีการประกาศแนวทางอีกครั้ง ในวันที่ 12 ก.ค.นี้  "เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญ" ของจอห์นสัน ซึ่งเชื่อมั่นว่า การเดินหน้าฉีดวัคซีนภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ก่อนถึงกำหนดการผ่อนคลาย จะช่วยลดอัตราการติดเชื้อในประเทศได้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อเดลตา ที่กระจายตัวได้เร็วกว่า และส่งผลให้เกิดอาการป่วยหนักได้ง่ายกว่า 
อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรซึ่งผ่านการล็อกดาวน์มาแล้ว 3 ครั้ง ยืนยันผู้ป่วยใหม่  27,334 คน เมื่อวันจันทร์ และระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.ถึง 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ป่วยโควิด-19 ในสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนสถิติผู้เสียชีวิตมีจำนวนสะสมอย่างน้อย 128,231 ราย เพิ่มขึ้น 9 ราย และยังเหลือผู้ติดเชื้อต้องรักษาตัวอยู่ในระบบอีกอย่างน้อย 464,482 คน
อนึ่ง 86.1% ของประชาชนในสหราชอาณาจักรได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว และ 64.0% ได้รับวัคซีนครบแล้ว.

เครดิตภาพ : AP