พล.อ.เจริญ นพสุวรรณ เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลงานของนักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันว่ายน้ำยุวชนและเยาวชนชิงแชมป์อาเซียน ครั้งที่ 45 “SEA Age Group Championships 2023” หรือ ซีเอจ กรุ๊ป ที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค. ว่า ซีเอจ กรุ๊ป ครั้งนี้นักกีฬาว่ายน้ำไทย ทำได้ 17 ทอง 29 เงิน 44 ทองแดง ขณะที่ นักกีฬากระโดดน้ำ ได้มา 2 ทอง 1 เงิน และโปโลน้ำ ได้ 1 ทอง 1 เงิน

“โดยภาพรวมทีมว่ายน้ำไทย ได้เหรียญรวม 90 เหรียญ ถือว่าเป็นเจ้าสระอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ใหม่ของเวิลด์อ ควาติกส์ (World Aquatics) หรือ องค์กรกำกับดูแลเกี่ยวกับกีฬาทางน้ำ ที่เริ่มใช้การวัดที่จำนวนเหรียญรวม หลักเกณฑ์นี้เริ่มใช้ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก ที่ฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ที่ผ่านมา จึงถือว่านักกีฬาว่ายน้ำเยาวชนไทย ยังครองความเป็นเจ้าสระเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ต่อจากปี 2022 ที่มาเลเซีย” พล.อ.เจริญ กล่าว
“นักกีฬาที่สมาคมฯ ส่งเข้าแข่งขันทั้ง 3 ประเภท นั้นเราได้ตัดสินใจพักตัวหลัก 12 คน เพื่อเตรียมไปแข่งขันว่ายน้ำเยาวชนชิงแชมป์โลก ในช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้ รวมถึงการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่จีน ปลายเดือน ก.ย.ด้วย พร้อมกับให้โอกาสนักกีฬาในระดับทีม B และทีม C ไปร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ซึ่งทุกคนทำได้ดี เหรียญรางวัลจึงไปสะสมอยู่ที่เหรียญเงินและเหรียญทองแดงเป็นหลัก”

พล.อ.เจริญ นพสุวรรณ ยังเปิดอีกว่า ในส่วนของกีฬากระโดดน้ำ ได้ดาวรุ่งสาวดวงใหม่แจ้งเกิดในการแข่งขันครั้งนี้ในอุปกรณ์สปริงบอร์ด 1 เมตร และ 3 เมตร คือ ลิลลี่ ประทีป ที่คว้า 2 เหรียญทอง และในรุ่นเดียวกันที่ได้อีก 1 เหรียญเงิน เป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดพัฒนานักกีฬากระโดดน้ำเพื่อความเป็นเลิศต่อไป
ส่วนโปโลน้ำหญิง เป็นไปตามฟอร์ม ที่เป็นหนึ่งในอาเซียนมา 7 ปีติดต่อกัน ส่วนทีมชายก็ถือว่าพัฒนาแบบก้าวกระโดดเป็นอย่างมากภายใน 2 ปีที่ผ่านมา ในระหว่างแข่งขันครั้งนี้มีการหารือแนวทางการจัดการแข่งขันซีเอจ กรุ๊ป 2024 ที่ไทย จะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในปี 2567 โดยสมาคมฯ วางเป้าหมายในการครองความเป็นเจ้าสระให้ได้เป็นปีที่ 3 อย่างต่อเนื่อง โดยจะจัดการแข่งขัน 5 ประเภท ประกอบด้วย ว่ายน้ำ, ระบำใต้น้ำ, กระโดดน้ำ, ว่ายน้ำมาราธอน และโปโลน้ำ ซึ่งชาติสมาชิกในอาเซียนรับทราบในขั้นต้นแล้ว