เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.1) ให้การต้อนรับน.ส.กีต้า ซับบระวาล ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย พร้อมคณะผู้แทนองค์การสหประชาชาติ (UN) ในประเทศไทยและร่วมประชุมหารือข้อราชการว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านการบริหารจัดการขยะระหว่างกระทรวงมหาดไทย และ UN โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการตัวอย่างความสำเร็จการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความยั่งยืนขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โก่งธนู จ.ลพบุรี
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดียิ่งที่กระทรวงมหาดไทย โดยปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับท่านนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยร่วมเป็นภาคีในการขับเคลื่อนโลกใบนี้ไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs ร่วมกับทีม UN ในไทย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้คิดริเริ่มดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ก่อให้เกิด “จังหวัดสะอาด” มีการส่งเสริมการคัดแยกขยะ โดยใช้หลัก 3Rs (Reduce Reuse Recycle) รวมถึงการดำเนินโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) สู่ชั้นบรรยากาศอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงขยายผลต่อเนื่องสู่การพัฒนาในระดับพื้นที่สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติซึ่งกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการขับเคลื่อนขยายผลให้ครบ 76 จังหวัดทั่วประเทศจึงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ชาวมหาดไทยจะได้ร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติในการมุ่งเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการในระดับพื้นที่ เพื่อนำประเทศไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนทุกมิติต่อไป

น.ส.กีต้า กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยภายใต้การนำของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดนโยบายอย่างชัดเจนในการลงมือแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการขยะ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผู้รับนโยบายแปลงสู่การปฏิบัติ คือท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยร่วมกับ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับทีม UN ทั้ง 21 หน่วยงานในไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดของประเทศไทยทั้ง 76 จังหวัด ว่าจะเป็นภาคีในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่องตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยั่งยืนในระดับพื้นที่ (SDGs Localization) และการริเริ่มการบริหารจัดการขยะผ่านโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อนที่ถือเป็นโครงการสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถช่วยเติมเต็มกระบวนการสร้างความสมดุลให้แก่ระบบนิเวศ แก้ไขผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสามารถขยายผลต่อเนื่องไปถึงการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero) ผ่านความสำเร็จซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตระหว่างกระทรวงมหาดไทย และธนาคารกสิกรไทยโดยเรื่องการบริหารจัดการขยะนั้น ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย เป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกต่างก็ต้องเผชิญและตนนั้นก็รู้สึกชื่นชมและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่กระทรวงมหาดไทยได้ริเริ่มโครงการนี้ ที่จะสามารถเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการขยะให้แก่ประเทศอื่นๆ ได้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ร่วมกัน
“ทีมสหประชาชาติทั้ง 21 หน่วยงานในประเทศไทยนำโดย โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN-Habitat) มีความยินดีที่จะเข้ามาร่วมสนับสนุนด้านเทคนิคเกี่ยวกับการจัดการขยะในพื้นที่ รวมทั้งร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ร่วมคิดแนวทางปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อบรรลุ SDGs ใน 3 จังหวัดนำร่อง คือ อุดรธานี สงขลา (อำเภอหาดใหญ่) และชลบุรี รวมทั้งส่งเสริมการรณรงค์กระบวนการRecycle ในชุมชนให้เพิ่มมากขึ้นจากร้อยละ 20-23 และยินดีที่จะได้ร่วมสนับสนุนการจัดแสดงผลลัพธ์และการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนร่วมกับ UN ในเวทีนานาชาติและ COP28 เพื่อจะเป็นแบบอย่างที่ดีในประเทศอื่น ๆ ได้” น.ส.กีต้า กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน เป็นโครงการที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งตนดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น คนที่ 14 และดร.วันดี เป็นประธานชมรมแม่บ้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งจากจุดเริ่มต้นในครั้งนั้นส่งต่อมายังปัจจุบันผ่านการรณรงค์ให้ทุกครัวเรือนที่มีพื้นที่บริเวณโดยรอบบ้าน จัดทำ “ถังขยะเปียกลดโลกร้อน” และไม่หยุดยั้งในการขยายผลต่อเนื่องจนเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศไทย ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4 จังหวัดนำร่อง(สมุทรสงคราม ลำพูน เลย และอำนาจเจริญ) ทำการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกับธนาคารกสิกรไทย โดยได้มีการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก3,140 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในราคาตันละ 260 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 816,400 บาทซึ่งเงินจำนวนนี้ก็ได้คืนไปสู่ท้องถิ่นเพื่อสร้างประโยชน์คืนแก่ชุมชนต่อไป

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า โดยกระทรวงมหาดไทยจะเร่งรัดดำเนินการขยายผลให้ครบถ้วน ร้อยละ 100 ทุกครัวเรือน ทุกจังหวัด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก ระยะที่ 3 โดยมีการทวนสอบการทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ใน 76 จังหวัด และดำเนินการขอรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ โดยระหว่างปี65-69 คาดว่าจะสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 1.87 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ประเทศกำหนดที่ 1.48 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ด้วยใจที่มุ่งมั่นของคนมหาดไทยที่มุ่งขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาประเทศชาติในทุกระดับ และนอกจากโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อนแล้ว กระทรวงมหาดไทยก็ได้ขับเคลื่อนดำเนินโครงการต่างๆ อาทิ การน้อมนำแนวพระราชดำริ ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีตามโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และโครงการ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” เพื่อส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนพึ่งพาตนเองและมีการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง76 จังหวัด เป็นผู้นำคนสำคัญ ร่วมกับนายอำเภอทั้ง 878 อำเภอ 7,255 ตำบล ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคี เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาขับเคลื่อน

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ซึ่งสอดคล้องเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ(UN SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ส่งผลให้เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ ได้เห็นและร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์กับกระทรวงมหาดไทยด้วยแนวคิด “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อการพัฒนา เพื่อความเท่าเทียม เพื่อความยั่งยืน“โลกนี้เพื่อเรา”” และกระทรวงมหาดไทยก็จะมุ่งมั่น ตั้งใจ เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ทุกพื้นที่ในประเทศไทย มีการขับเคลื่อนพัฒนาเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมและมั่นคงต่อไป.