วันนี้( 5 ต.ค.)  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีการจัดทำระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินผ่านข้อความ(เอสเอ็มเอ) ว่า ทางกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ดำเนินการทำระบบอีเมอร์เจนซี่ โมบายล์ อะเลิร์ท ซึ่งช่วงเช้าวันนี้ได้มีการทดลองใช้ในบริเวณทำเนียบรัฐบาลก่อน ทางเอไอเอสและทรูได้ทดสอบระบบโลเคชั่น เบส เซอร์วิส (แอลบีเอส) เข้าสู่ระบบแล้ว ซึ่งหากเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งภัยพิบัติ ระบบแจ้งเตือนภัยผ่านข้อความ สามารถดำเนินการได้ทันทีในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุได้ตั้งแต่วันนี้  แต่ระบบยังต้องใช้เวลาในกาประมวลผล

  ส่วนการทำระบบเซลล์ บรอดแคสต์ ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ ซึ่งหากดำเนินการทำเซลล์ บรอดแคสต์ได้ จะเป็นระบบเตือนภัยที่มีความเสถียร และสามารถแจ้งเตือนประชาชนครอบคลุมมากยิ่งขึ้น แต่ต้องใช้เวลาพัฒนาไม่เกิน 1 ปี อย่างเร็วที่สุดภายใน 6 เดือน แต่ในระบบนี้มีความเร็ว สามารถส่งข้อความเตือนเป็นล้านข้อความภายใน 10 วินาที ซึ่งได้ประสานงานไปยังคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 2 ค่ายแล้ว ส่วนเรื่องคอมมานด์ เซ็นเตอร์ เราจะเร่งรับเพื่อดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อจัดตั้งศูนย์นี้ต่อไป 

 ด้าน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ระบบเตือนภัยจะแบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะแป็นการแจ้งเตือนผ่านระบบแอลบีเอส ซึ่งใช้เวลาประมวลผลนาน แต่เป็นการแจ้งเตือนเบื้องต้นที่ไวที่สุด ส่วนระยะที่สองจะแจ้งเตือนผ่านระบบเซลล์ บรอดแคสต์ ทางประธานกสทช. จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อขออนุมัติโครงการ ซึ่งโครงการนี้มีลักษณะที่ไม่ว่ามือถือเครื่องไหนผ่านบริเวณที่เกิดเหตุ ก็จะสามารถส่งข้อความเข้ามือถือได้ทันที  

  นอกจากนี้ นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมเรื่องคำสั่งปิดเว็บไซต์ขายปืนและผิดกฎหมายว่า  เดิมทีต้องใช้อำนาจศาล แต่ตอนนี้ทางดีอีเอส สามารถสั่งปิดได้เลย ซึ่งเมื่อวานนี้สามารถปิดเว็บผิดกฎหมายได้ 500 เว็บไซต์ หลังจากการแก้ไขกฎระเบียบบางอย่าง รวมทั้งในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ก็ได้ประสานงานขอความร่วมมือไปแล้ว โดยตัวเลขเว็บไซต์ที่ขายปืนผิดกฎหมายต้องรอทางฝ่ายข้อมูลแจ้งมาก่อน