สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ว่ากระทรวงการต่างประเทศตุรกีออกแถลงการณ์ เรื่องการเรียกตัวนายซาคีร์ ออสซกัน โตรุนลาร์ เอกอัครราชทูตประจำกรุงเทลอาวีฟ ให้เดินทางกลับประเทศ “เพื่อการปรึกษาหารือ” เกี่ยวกับ “โศกนาฏกรรมทางมนุษยธรรม” ที่กำลังเกิดขึ้นในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นผลจากการโจมตีของอิสราเอลที่มีต่อพลเรือน และการที่อิสราเอลยังคงปฏิเสธข้อเรียกร้องของประชาคมโลก ในการหยุดยิง


นอกจากนี้ รัฐบาลตุรกียังประกาศยุติการติดต่อและประสานงานผ่านทุกช่องทาง กับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอลด้วย


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าการดำเนินการดังกล่าวของตุรกี “ถือเป็นการสนับสนุนกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้าย” อย่างไรก็ดี กลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์ชื่นชมตุรกี และเรียกร้องรัฐบาลอังการาเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการเปิดทางให้มีการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซาเพิ่มเติม


ทั้งนี้ อิสราเอลถอนบุคลากรการทูตทั้งหมดกลับออกจากตุรกี เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมทั้ง “ประเมินและพิจารณาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี” เพื่อประท้วงการที่ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี เรียกอิสราเอลว่า “เป็นผู้ยึดครอง” และ “เป็นอาชญากรสงครามซึ่งต้องการกำจัดชาวปาเลสไตน์” และผู้นำตุรกียกเลิกกำหนดการเยือนอิสราเอล เพื่อประท้วง “การทำสงครามซึ่งไร้มนุษยธรรม”


อนึ่ง อิสราเอลและตุรกีบรรลุข้อตกลงเมื่อเดือน ส.ค. 2565 ว่าจะยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ ให้กลับคืนสู่ “ระดับปกติอีกครั้ง” เพื่อส่งเสริมและขยายขอบเขตความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี “ในทุกมิติ” หลังเนรเทศเอกอัครราชทูตกันและกัน เมื่อปี 2561 จากเหตุชาวปาเลสไตน์ประท้วงครั้งใหญ่ ต่อการที่สหรัฐย้ายสถานเอกอัครราชทูตจากกรุงเทลอาวีฟ มายังนครเยรูซาเลม.

เครดิตภาพ : AFP