เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ รองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงว่ากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานต่อที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ในวันนี้ (20 ก.ย.) ว่ายังพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ใหม่หลายแห่ง ทั้งในแคมป์คนงานที่ จ.ปราจีนบุรี จันทบุรี และระยอง, ในแคมป์คนงานก่อสร้างชื่อ “จับไก่” ที่ จ.กาญจนบุรี, ที่ จ.อุดรธานี พบในตลาดและงานศพ ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ พบผู้ติดเชื้อเกิน 200 ราย นอกจากนี้ยังมีหลายจังหวัดที่พบการติดเชื้อในตลาดสด อาทิ จ.สระแก้ว ชัยภูมิ นครศรีธรรมราช รวมถึงพบการติดเชื้อในศูนย์ฝึกนักเรียนทหารและกลุ่มนักบวชที่ จ.สตูล

ขณะเดียวกัน ใน จ.หนองบัวลำภู ปัตตานี ยะลา และสงขลา พบคลัสเตอร์การติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ป่วยที่อยู่ร่วมบ้าน และใน จ.มหาสารคาม พบการตั้งวงดื่มสุรา อีกทั้งที่ จ.ลำปาง พบการติดเชื้อในสำนักงานทรัพยากรน้ำ ทั้งนี้เราขอเน้นย้ำทุกหน่วยงานให้เข้มงวดการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เพราะขณะนี้เข้าสู่ช่วงที่หน่วยงานต่างๆ จัดงานมุทิตาจิตผู้เกษียณอายุราชการ

พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า กรมควบคุมโรคยังรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อบางรายที่แม้รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ แต่ยังฝ่าฝืนออกไปใช้ชีวิตในชุมชนหรือไปซื้อของนอกบ้าน ขณะที่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงบางรายไม่กักตัว อย่างไรก็ตามกราฟแสดงภาพรวมอัตราการติดเชื้อใน 71 จังหวัด คิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพื้นที่สีเขียวเริ่มมีจำนวนมากขึ้น โดยในภาคอีสานมี จ.หนองคาย นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ในภาคเหนือมี จ.แพร่ พะเยา และน่าน ขณะที่ภาคใต้มีหลายจังหวัดที่สถานการณ์ดีขึ้น เริ่มเป็นพื้นที่สีเหลือง ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ สตูล พังงา โดยมีหลายจังหวัดที่วางแผนเริ่มการพัฒนาเพื่อไปสู่การเป็นพื้นที่นำร่องสำหรับการเปิดเมืองเพื่อรับนักท่องเที่ยว และการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่.