เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีไลน์กลุ่มประธานสาขาพรรคและตัวแทนสาขาพรรคที่เป็นโหวตเตอร์หลุดว่อนโซเชียล ไม่ให้ยกมือยกเว้นข้อบังคับให้ น.ส.วทันยา บุนนาค ว่า ข้อเท็จจริง สส.ของพรรคส่วนใหญ่และตนก็ยกมือให้ยกเว้นข้อบังคับให้มีการแข่งขัน และยินดีที่จะเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ ส่วนโหวตเตอร์ที่เป็นตัวแทนสาขาพรรคก็แล้วแต่ว่าเขาจะโหวตไปในทิศทางใด ส่วนกรณีดังกล่าวนั้น ต้องไปดูว่าผู้ที่กระทำนั้นเป็นใครหากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้ร้องเรียนมา ยินดีที่จะตรวจสอบและพิจารณาให้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการล็อบบี้กันก่อนโหวตหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า สามารถมองกันได้แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากัน แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นมาอย่างไร
เมื่อถามว่าภายหลังได้หัวหน้าพรรค ปชป. คนใหม่แล้ว มีสมาชิกหลายคนเตรียมลาออก ถือว่าเป็นประสบการณ์เลือดไหลซ้ำหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ผู้ที่บอกว่ารัก ปชป.นั้น พรรคปชป.เป็นองค์กร มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่ง 4 ปีต้องมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ หากเรารักองค์กร ใครที่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค เราก็พร้อมที่จะทำงานให้ แต่หากใครขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแล้วลาออก แปลว่าไม่ได้รักองค์กร เราต่อต้านผู้นำที่ขึ้นมา หากรัก ปชป. เราก็ต้องยืนอยู่กับพรรค ช่วยกันฟื้นฟูพรรค และ กก.บห.ชุดใหม่ไม่ดี ถึงเวลา 4 ปีก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตนเชื่อว่าทุกคนมีวุฒิภาวะอยู่ ในการตัดสินใจเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าเป็นงานหนักของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนในฐานะ กก.บห.ชุดใหม่ พร้อมที่จะรับ ทุกเสียง ทุกปัญหา รวมถึงทุกคำวิจารณ์ คำแนะนำนำไปสู่การแก้ปัญหา เพื่อให้พรรคมีเอกภาพ และกลับมาเป็นพรรคหลักได้เหมือนเดิม พรรค ปชป.เดินทางเข้ามาสู่ปีที่ 78 เรามีทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุด สิ่งหนึ่งที่เราบอกว่ามีเจตนาดีต่อพรรค เราต้องช่วยกันแสดงความคิดเห็น ตนคิดว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ มาเพื่อแก้วิกฤติ พวกเราขอร้องให้มา และนายเฉลิมชัยก็รับฟังทุกปัญหา และได้แถลงชัดเจนว่า ปชป. รับฟังทุกเสียง เราไม่ใช่พรรคอะไหล่ และเราจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง ส่วนเรื่องของนโยบายพรรค ต้องยอมรับว่าการเมืองขณะนี้ การแข่งขันกันทางความคิด เราต้องพร้อมรับฟังปัญหาของประชาชน
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า “ต้องพูดคุยทุกคน เพราะทุกคนเป็นประชาธิปัตย์ ไม่มีฝ่าย อย่าคิดว่าเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ วันนี้ลืมความหลัง และว่ากันในอนาคต ช่วยกันทำ หัวหน้าพรรคและพวกตนก็พร้อมคุยกับผู้ใหญ่ทุกคน หลังจากนี้จะเดินหน้าไปปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ แล้วไปเชิญชวนสมาชิกพรรคที่เคยลาออกให้กลับมาเป็นสมาชิกพรรคใหม่ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เราต้องการ”
เมื่อถามว่านายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต สส.ระยอง พรรค ปชป. ระบุว่าคนไม่มีสัจจะ จะไม่สามารถนำพรรคได้ในสถานการณ์เช่นนี้ นายชัยชนะกล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของนายสาธิตที่มีสิทธิที่จะพูดว่ากล่าวได้ ซึ่งเราก็ยอมรับในคำพูดของทุกคน และตนคงไม่ไปโต้เถียงใคร วันนี้ไม่ใช่เวลาโต้เถียง เป็นเวลาที่เริ่มต้นการทำงานที่จะฟื้นฟูพรรค ส่วนใครจะติชมหรือตำหนิอย่างไรเราก็พร้อมรับฟัง เราฟังได้ อดทนได้ แต่สิ่งที่สำคัญเหนือคำพูดคือ ผลการเลือกตั้งข้างหน้าว่า กก.บห. จะนำพาให้ได้ที่นั่งมากกว่าเดิมหรือไม่
เมื่อถามว่า หากสมาชิกพรรคหลายคนต่อต้าน จะนำไปสู่สถานการณ์พรรคแตกหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ”ใครต่อต้าน สมาชิกทั้ง 25 คนที่มีอยู่ตอนนี้ เสียง 23 คนรับได้ ส่วนตัวแทนสาขาพรรค เสียงส่วนใหญ่ก็เลือกมา แล้วคนที่ลาออกรักพรรคหรือรักตัวเอง หากรักพรรคต้องสามารถทำงานได้กับทุกคนที่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งนี้ หากเมื่อวานนี้ (9 ธ.ค) หากนายเฉลิมชัยไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค ตนก็พร้อมทำงานให้พรรคและไม่ลาออก แต่หากตนลาออกถือว่าตนรักตัวเอง“
เมื่อถามว่า พร้อมที่จะทำงานเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าพร้อมจะพลิกขั้วไปร่วมรัฐบาล เพราะในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาเคยมีการยกมือสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายชัยชนะ กล่าวว่า การโหวตเรื่องนายกรัฐมนตรี ตนพูดชัดเจนว่า เป็นการหาทางออกให้ประเทศและเป็นฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้บอกว่าโหวตเพื่อเป็นรัฐบาล ซึ่งตนเป็น 1 ใน 16 คนที่โหวตให้นายเศรษฐา และหลังจากวันโหวตนายกรัฐมนตรี ต้องดูว่าตน ทำงานตรวจสอบและออกไปอภิปรายนายเศรษฐาหรือไม่ ขณะนี้ก็เป็นฝ่ายค้านอยู่
“ส่วนที่มีข่าวว่าจะไปร่วมรัฐบาลนั้น นั่นคือใครพูด มีจุดประสงค์ดีกับพรรคหรือไม่ ที่มาพูดเช่นนี้ พรุ่งนี้ตื่นมาจะหายใจหรือไม่ยังไม่รู้เลย ว่าจะร่วมอย่าไปคาดหวังอนาคตว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะนั่นเป็นเรื่องของอนาคต แต่นาทีนี้ เราเป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำให้ดีที่สุด” นายชัยชนะกล่าว.