เมื่อวันที่ 8 ส.ค.นายวัชรพงศ์ คูวิจิตสุวรรณ เลขานุการรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกระแสดราม่าเรื่อง “ป้ายมอบไฟเซอร์”ในขณะนี้ ว่า ป้ายที่กำลังถูกวิจารณ์ขึ้นข้อความว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข มอบวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์ จ.นครสวรรค์ เป็นงานที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการควบคุมโรค ที่ โรงพยาบาลท่าตะโก ตนอยู่ด้วยตลอดทั้งงาน พูดด้วยความสัตย์จริงว่า ไม่มีป้ายนี้ และขอถามคนในงานหน่อยว่ามีใครเห็นป้ายนี้บ้าง ป้ายที่ตนเห็นที่งานมีเพียงไม่กี่ป้าย อาทิ ป้ายโรงพยาบาล ป้ายห้องประชุม และป้ายบนเวที ซึ่งเขียนว่า “นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดนครสวรรค์ วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2564” อันนี้ คือป้ายเดียว ที่ตนเห็นบนเวที ส่วนป้ายเรื่องมอบวัคซีนไฟเซอร์นั้น พูดด้วยความสัตย์จริงว่า ไม่ทราบเลย ว่าป้ายนั้นไปอยู่ตรงส่วนไหนของงาน ที่จริงแล้ว การมอบวัคซีนนั้น ก็ไม่ใช่สาระของงานด้วยซ้ำ แต่ท่านมา ก็เพื่อมอบนโยบายเรื่อง การรักษาผู้ป่วย ต้องทำอย่างเต็มที่ ต้องหาทางนำผู้ป่วยเข้าระบบให้ได้มากที่สุด

“ขอยืนยันว่าส่วนกลางพร้อมสนับสนุนงานทุกจังหวัด ท่านยังให้กำลังใจคนทำงาน และรับฟังปัญหาหน้างาน ส่วนวัคซีนบูสเตอร์ ถึงท่านไม่มา บุคลากรการแพทย์ที่นครสวรรค์ และที่จังหวัดต่างๆ ก็ได้ฉีดตามแผนแน่นอน แต่ที่ท่านมามอบ ก็เพราะทางพื้นที่ให้เกียรติ ท่านก็รับไว้”เลขานุการ รมว.สาธารณสุข กล่าว 

เลขานุการ รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า เรื่องป้ายปริศนา หาในงานไม่เจอ เพราะไม่รู้ไปวางตรงไหน หรืออาจจะเล็กจนไม่ทันสังเกต ตนจะไม่มองในแง่ร้ายว่าเป็นการเล่นงานสาดสี กันทางการเมือง เพราะถ้ามีความพยายามเช่นนี้ จริง ก็ต้องถือว่า เป็นอีกครั้งที่การเมืองไทยเล่นกันสกปรกมาก น่าสงสารแทนประเทศชาติ ที่มี คนที่ทำงานการเมืองด้วยวิธีเลวๆ เช่นนี้ สิ่งที่ตนอยากจะบอกคือ ประเทศไทย ขับเคลื่อนได้ด้วยการทำงาน ประเทศไทย เดินไปข้างหน้าได้เพราะคนที่ลงมือทำ สังคมไทย ควรให้กำลังใจคนเหล่านี้ มากกว่าไปให้ค่า ให้ราคา กับกลุ่มบุคคลที่ใช้เพียงปาก สร้างดราม่า สร้างความเข้าใจผิด สักแต่ด่าคนทำงาน หวังผลทางการเมือง แต่ไร้ผลผลิตที่เป็นประโยชน์แก่ชาติ ขอย้ำว่า ทุกคนในกระทรวงสาธารณสุข ต้องการแรงสนับสนุนจากประชาชน เราต้องการกำลังใจจากท่าน และขอบคุณ กับทุกความร่วมมือ ที่ท่านให้กับทีมสาธารณสุขไทยเสมอมา.