วันนี้(18 ธ.ค.)รายงานข่าวจาก สำนักงาน กสทช. เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้(19 ธ.ค.) ทาง สำนักงาน กสทช.ได้แจ้งสื่อมวลชน ว่า จะมีกาจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาผู้บริโภคในเรื่องอัตราค่าบริการ คุณภาพสัญญาณ และแพ็คเกจการให้บริการหลังการรวมธุรกิจระหว่างทรู – ดีแทค โดย พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการประจำประธาน กสทช. ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำประธาน กสทช. ด้านกฎหมาย และ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการ กสทช. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทาง สภาองค์กรของผู้บริโภค และเครือข่ายผู้บริโภคได้ออกมาเรียกร้องว่า หลังควบรวมของทั้งสองบริษัท ทางผู้บริโภคประสบปัญหา เรื่อง คุณภาพสัญญาณที่ลดลง และ ราคาบริการที่แพงขึ้น

นอกจากนี้ก่อนหน้านี้ ทาง 4 บอร์ด กสทช. ประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย, พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ  ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต และรองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ได้ทำบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด ถึงประธาน กสทช. เรื่อง ขอให้มอบหมายสำนักงาน กสทช. รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์และผลกระทบต่อผู้บริโภคอันเนื่องมาจากคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ ปัญหาอัตราค่าบริการสูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงแพคเกจการให้บริการโดยอัตโนมัติเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 23/2566 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 นี้ด้วย

อย่างไรก็ตามในวันนี้(18 ธ.ค.) ทางผู้บริหาร  บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น โดย นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์  หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร และนายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี  ได้เข้าพบ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. และ นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการกสทช. พร้อมทั้งคณะ กสทช. เพื่อชี้แจงประเด็นคุณภาพสัญญาณ แพ็กเกจค่าบริการ และการบริการลูกค้า ย้ำทำตามมาตรฐานและเร่งพัฒนาคุณภาพดีกว่าเดิม

โดยทาง ทรู คอร์ปอเรชั่น เข้าพบ กสทช. ชี้แจงประเด็นสำคัญ ดังนี้

มุ่งพัฒนาคุณภาพสัญญาณเพื่อลูกค้า – ทรู คอร์ปอเรชั่นมุ่งมั่นการให้บริการโดยมีคุณภาพที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกคน หลังการควบรวมทรูและดีแทคนั้น สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5G และ 4G ของลูกค้าทั้งสองแบรนด์ ดีขึ้นทันที จากการโรมมิ่งสัญญาณคลื่น 2600 MHz และ 700 MHz  อีกทั้งความครอบคลุมของโครงข่ายมีความครอบคลุมยิ่งขึ้น จากเดิมก่อนควบรวม  4G ดีแทค 96.93% ทรู 99.06 % หลังควบรวมดีแทคและทรูมีความครอบคลุมเป็น 99.28%

ขณะที่ก่อนควบรวม  5G ดีแทค 46.87% ทรู 85.69 % หลังควบรวมดีแทคและทรูมีความครอบคลุม 5G เป็น 90 % นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยจัดการโครงข่ายด้วย “Single Grid” ทำให้สัญญาณใช้งานดียิ่งขึ้น ลดการรบกวนของสัญญาณ และเพิ่มพื้นที่ใช้งานครอบคลุมทั่วไทยมากขึ้น คาดแล้วเสร็จภายในปี 2568 ทั้งนี้ หากพบปัญหาการใช้บริการในพื้นที่ใด ลูกค้าดีแทคสามารถติดต่อ 1678 ลูกค้าทรู 1242 ซึ่งทีมงานพร้อมเข้าตรวจสอบเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

นำเสนอแพ็กเกจที่หลากหลายคุ้มค่ายิ่งขึ้น : แพ็กเกจราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ทั้งแบบเติมเงินและรายเดือน ซึ่งแต่ละแพ็กเกจมีเงื่อนไขการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปเพื่อให้ผู้ใช้ บริการเลือกแพ็กเกจที่ตรงกับความต้องการของตนมากที่สุด    และด้วยไลฟ์สไตล์การงานดาต้าของลูกค้าที่ปรับเพิ่มตามเทรนด์ดิจิทัล ทำให้ปริมาณการใช้งานดาต้าของลูกค้าทั้งทรูและดีแทคเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด โดยทรูเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 24% ขณะที่ดีแทคเพิ่ม 18% จากปีที่ผ่านมา 

ซึ่งเป็นผลจากการเข้าถึงโครงข่ายสัญญาณที่ดียิ่งขึ้น     ดังนั้นการนำเสนอแพ็กเกจโทรศัพท์เคลื่อนที่จึงมีการปรับเปลี่ยนให้มีความหลากหลายโดยได้สรรหาสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่นอกเหนือการบริการโทรคมนาคม (Non-Telco benefits) เพื่อตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ลูกค้าในยุคปัจจุบัน    อาทิ คูปองเงินสด, คอนเทนท์แพลตฟอร์มต่างๆ  ที่ให้ได้รับชมฟรีลดค่าใช้จ่ายในการจ่ายแพลตฟอร์ม  แพ็กเกจบอล EPL หนัง ซีรีส์, TrueID, TrueX, ประกัน, อาหารและเครื่องดื่มจากแบรนด์ดัง, ส่วนลดร้านค้าห้างสรรพสินค้า 

ขณะเดียวกัน หากแพ็กเกจบริการที่ลูกค้าใช้งาน ครบกำหนดอายุการใช้งานตามสัญญา  บริษัทฯ จะมีการส่ง SMS แจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า 30 วัน โดยพิจารณานำเสนอแพ็กเกจที่น่าจะเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ลูกค้า และเพื่อให้การใช้บริการของลูกค้าเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากลูกค้าไม่ต้องการเปลี่ยนแพ็กเกจตามที่เสนอ ลูกค้ารายเดือนสามารถเลือกใช้งานแพ็กเกจเดิม หรือสมัครแพ็กเกจอื่นๆ ได้ตามปกติ และลูกค้าเติมเงินสามารถเลือกแพ็กเกจอื่นๆ ได้เช่นกัน