เมื่อวันที่ 23 ก.ย. รายงานข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า กรณีของร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ทางรัฐบาลและ ศบค.ได้ประมาณการร่วมกันว่าน่าจะนำร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ในช่วงปลายเดือน ต.ค. โดยมีเหตุผลหลักๆ คือเพื่อให้ส่วนราชการต่างๆ และผู้ที่เกี่ยวข้องมีเวลาเพียงพอสำหรับการเตรียมตัวและปรับโครงสร้างการทำงานให้สอดรับกับกฎหมายใหม่ฉบับนี้ รวมถึงเพื่อให้ประกาศร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าวลงในราชกิจจานุเบกษา อยู่ในช่วงเปิดประชุมรัฐสภาสมัยหน้า วันที่ 1 พ.ย. และเมื่อกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้แล้ว รัฐบาลเตรียมเสนอ พ.ร.ก.ให้ที่ประชุมสภาฯ พิจารณาดังนั้นระหว่างนี้ที่ยังไม่มีการประกาศใช้ร่าง พ.ร.ก.โรคติดต่อฯ จึงต้องต่อเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ไปพลางก่อน

ขณะที่ การประชุม ศปก.ศบค.ในช่วงบ่ายวันที่ 23 ก.ย. ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการ สมช. ในฐานะผู้อำนวยการ เป็นประธาน ได้เห็นชอบเสนอเรื่องต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 27 ก.ย. เวลา 14.00 น. ให้ขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก 2 เดือน หรือจนกว่าจะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.โรคติดต่อฯ อีกทั้งจะเสนอเรื่องการเลื่อนกำหนดการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง (แซนด์บ็อกซ์) ในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ จากเดิมวันที่ 1 ต.ค. 2564 ไปเป็นวันที่ 1 พ.ย. 2564

นอกจากนี้เตรียมเสนอการผ่อนคลายกิจกรรมและกิจการเพิ่มเติม ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ การแข่งขันกีฬาในร่มแบบไม่มีผู้ชม สถาบันกวดวิชา สปา โรงภาพยนตร์ และร้านอาหารที่มีการเล่นดนตรีภายในร้าน ส่วนการกำหนดช่วงเวลาห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ยังเป็นไปตามเวลาเดิมคือ ตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น. รวมถึงยังต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดเดินทางข้ามจังหวัด ทั้งนี้ จะต้องรอที่ประชุมใหญ่ ศบค. พิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง

รายงานข่าวจาก ศบค. ระบุอีกว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 17/2564 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมโครงประกอบของศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ซึ่งกำหนดให้รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็น รอง ผอ.ศปก.ศบค. คนที่ 1, รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็น รอง ผอ.คนที่ 2 และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร เป็น รอง ผอ.คนที่ 3 นั้น เป็นการปรับลำดับรอง ผอ.ศูนย์ฯ จากของเดิม คือคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 33/2563 ที่ให้รองเลขาธิการ สมช. เป็น รอง ผอ.คนที่ 1 และรองเลขาธิการนายกฯ เป็น รอง ผอ.คนที่ 2 อีกทั้งไม่ใช่การดึงบุคคลใดเข้ามาเพิ่มในโครงสร้างของ ศปก.ศบค. เพราะแม้แต่รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขก็เป็นกรรมการศูนย์ฯอยู่แล้ว นอกจากนี้ ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติงานในศูนย์ฯ โดยตำแหน่ง บางส่วนเกษียณอายุราชการ ขณะเดียวกัน ทางศูนย์ฯ เห็นว่าสมควรมีการปรับระบบงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงนำไปสู่การออกคำสั่งนายกฯฉบับใหม่ที่ให้มีการปรับองค์ประกอบดังกล่าว.