จนถึงเวลานี้ แฟนบอลชาวไทยยังคงต้องลุ้นว่าจะได้ชมการถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 ซึ่งจะเปิดฉากฟาดแข้งกันในวันที่ 12 ม.ค. นี้หรือไม่ หลังจากในบรรดา 24 ชาติที่ร่วมฟาดแข้ง เหลือแค่ ไทย กับ อิหร่าน เท่านั้นที่ยังไม่ได้มีการซื้อลิขสิทธิ์ไปถ่ายทอดสดการแข่งขันในประเทศตัวเอง ขณะที่ทั่วโลกนั้นมีถึง 201 ประเทศใน 5 ทวีป ที่ซื้อลิขสิทธิ์ไปนอนกอดเรียบร้อยแล้ว

ถือเป็นอีกครั้งที่เราต้องลุ้นกันจนหยดสุดท้ายว่าจะได้ดูฟุตบอลรายการใหญ่ผ่านหน้าจอทีวีกันหรือไม่ หลังจากเราต้องลุ้นกันมาตลอดทุกทัวร์นาเมนต์ นับตั้งแต่ศึกยูโร 2020, ฟุตบอลโลก 2022 แม้กระทั่ง อาเซียน คัพ ครั้งล่าสุด ซึ่งแต่ละครั้งต้องรอ “อัศวินขี่ม้าขาว” เข้ามาช่วยเดินเรื่องหรือพูดง่าย ๆ คือเข้ามา “จ่ายตังค์” ให้คนไทยได้ดูในนาทีสุดท้าย

ก่อนหน้านั้น การถ่ายทอดสดฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ ในไทย ในยุคที่ยังไม่มีสื่อโซเชียลนั้น หลายรายการเป็นโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ที่ลงขันกันซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสด นอกจากนี้ในช่วงก่อนเข้าสู่ยุคโซเชียล เอกชนหลายเจ้าก็เริ่มกระโดดเข้าสู่สังเวียน ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสด เพราะยังไงก็ขายสปอนเซอร์ได้ไม่ยาก ไหนจะขายโฆษณาผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวี ไหนจะมีรายได้เพิ่มจากการจัดกิจกรรมออนกราวน์นอกสถานที่ต่าง ๆ

แต่มาถึงยุคนี้ ปัจจัยที่ทำให้การซื้อลิขสิทธิ์เป็นเรื่องยากกว่าเมื่อก่อนมีมากมาย อันดับแรกคือค่าลิขสิทธิ์จะแพงขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งทัวร์นาเมนต์อย่าง เอเชียน คัพ ก็ต้องมีหลักหลายสิบล้านบาท หรือถ้าเป็นฟุตบอลโลกหรือยูโร ก็ยิ่งแพงหูฉี่ ทำให้เอกชนต้องคิดหนัก เพราะดูแล้วหนทางที่ซื้อมาถ่ายแล้วจะทำกำไร หรือแม้แต่ทำรายได้ให้ถึงจุดคุ้มทุนจากการขายโฆษณานั้น มันเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ไม่เหมือนกับกีฬาบางประเภทในยุคนี้ ที่ความนิยมพุ่งกระฉูดขึ้นมาจนเอกชนไม่กลัวขาดทุนกับการซื้อลิขสิทธิ์ อาทิ วอลเลย์บอล ซึ่งราคาก็ไม่ได้แพงเท่าฟุตบอลด้วย

ไหนจะมีปัญหาเรื่องลิงก์เถื่อน ที่พวกชุบมือเปิบมาดูดสัญญาณไปถ่ายทอดสดผ่านช่องทางของตัวเองทั้งทางเว็บไซต์และโซเชียล แล้วก็ยังมีผู้ชมบางส่วนที่ใช้บริการลิงก์เถื่อนที่เอาเปรียบเหล่านี้อยู่ ซึ่งเป็นปัญหาที่บ้านเรายังไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่เหมือนกับในหลายประเทศที่ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ อย่างในภูมิภาคโอเชียเนีย ก็ซื้อลิขสิทธิ์เอเชียน คัพ ครั้งนี้ไปถ่ายทอดสดผ่านยูทูบให้ชมกันได้ฟรี ๆ

จากรูปการณ์ที่ผ่านมา มีแนวโน้มว่าเราอาจต้องเดินหน้าไปสู่การดูการถ่ายทอดสดทัวร์นาเมนต์เหล่านี้แบบ “เปย์เปอร์วิว” หรือจ่ายเงินเพื่อดู หรือแม้กระทั่งการถ่ายทอดสดในรูปแบบสตรีมมิง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในวงการกีฬาโลก เพราะปัจจุบันทุกอย่างล้วนเป็นสิทธิประโยชน์ และในหลาย ๆ ประเทศก็ใช้วิธีนี้ ซึ่งแฟนกีฬาไทยอาจต้องปรับตัว และมันน่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันไม่ไกลจากนี้แล้ว