สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกีโต ประเทศเอกวาดอร์ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ว่า สืบเนื่องจากประธานาธิบดีดาเนียล โนโบอา ผู้นำเอกวาดอร์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและเคอร์ฟิว ทั่วประเทศ เป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน เมื่อวันอังคาร พร้อมทั้งกระจายกำลังทหารลงพื้นที่ เพื่อควบคุมเสถียรภาพด้านความมั่นคง หลังเกิดเหตุความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่นายโฮเซ อดอลโฟ มาเซียส “ฟิโต” หัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดชื่อกระฉ่อน “ลอส โชเนรอส” หลบหนีออกจากเรือนจำ


ตามด้วยเหตุการณ์ กลุ่มคนร้ายติดอาวุธ บุกจู่โจมสตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ทีซี ในเมืองกัวยากิล ซึ่งอยู่ระหว่างออกอากาศรายการสด อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ หลังเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที แต่นอกจากนั้นยังมีรายงาน นักโทษในเรือนจำอย่างน้อย 5 แห่ง ก่อหวอดและควบคุมเจ้าหน้าที่ในเรือนจำเป็นตัวประกัน รวมประมาณ 130 คน


โนโบอาแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อวันพุธ ว่าเอกวาดอร์ “อยู่ในภาวะสงคราม” และออกคำสั่งเพิ่มอำนาจให้กับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ในการตรวจค้น จับกุมและวิสามัญ “กลุ่มก่อการร้าย” ซึ่งสังหารประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 10 ราย


ด้านสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกแถลงการณ์แสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในเอกวาดอร์ ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงกีโตระงับให้บริการ ส่วนโคลอมเบียและเปรูซึ่งมีพรมแดนติดกับเอกวาดอร์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามแนวชายแดน ทั้งนี้ โคลอมเบียและเปรูอยู่ในกลุ่มประเทศผู้ผลิตโคเคนรายใหญ่ที่สุดของโลก


อนึ่ง อัตราการเกิดคดีฆาตกรรมในเอกวาดอร์เพิ่มขึ้นสี่เท่า ระหว่างปี 2561-2565 และเจ้าหน้าที่ยึดโคเคนได้มากเป็นสถิติถึง 220 ตัน เมื่อปีที่แล้ว.

เครดิตภาพ : AFP