เมื่อวันที่ 15 ม.ค. คุณยาย อายุ 79 ปี ชาว อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมลูกสาวคนโต เข้าร้อง กัน จอมพลัง ให้ช่วยเหลือ หลังหลานชายทรพี ทุบตีทำร้ายร่างกาย ตามเนื้อตามตัวมีรอยเขียวช้ำ แขนข้างขวาต้องเย็บถึง 8 เข็ม จนไม่สามารถอยู่บ้านตนเองไม่ได้

คุณยาย เล่าว่า ตนเองอยู่บ้านกับพี่สาว อายุ 80 ปี และลูกชาย อายุ 29 ปี ทั้งสองป่วยพิการทางสมอง ในพื้นที่บ้านของตนเอง มีบ้านอีกหนึ่งหลังให้ลูกชายอาศัยอยู่กับนายเอ (นามสมมุติ) หลานชายคนเล็ก อายุ 19 ปี ในวันที่เกิดเหตุวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา ตนให้หลานชายคนโตที่พิการทางสมองมายืมรถมอเตอร์ไซค์ไปหาหมอ แต่หลานชายคนเล็ก ไม่พอใจ อารมณ์ฉุนเฉียว บอกว่าถ้าพี่ชายกลับมาจะฆ่าให้ดู ตนจึงบอกว่า รถของยายน้ำมันหมด รถของตัวเองก็มี แล้วรถหายไปไหน ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหลานด่าหยาบคาย พุ่งเข้ามาทำร้าย ต่อย ตี ใช้เหล็กฟาด หินทุบ จนตนสลบไป พอตื่นฟื้นขึ้นมาก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยุงตัวเองวิ่งไปบอกเพื่อนบ้านให้ช่วย เพื่อนบ้านจึงช่วยนำส่งโรงพยาบาล และโทรหาลูกสาวคนโตที่อยู่ จ.ชลบุรี

คุณยาย บอกอีกว่า เคยถูกหลานชาย ทำร้ายร่างกายมาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ไม่หนักขนาดนี้ ครั้งนี้แจ้งความที่ สภ.ท่าเรือ แต่ตำรวจบอกว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด

กัน จอมพลัง ระบุว่า กรณีนี้ลูกสาวคนโตของยายได้เข้ามาร้องเรียน เพราะยายอยู่บ้านตัวเองไม่ได้ ไปแจ้งความคดีก็ไม่คืบหน้า แต่หลานชายที่ทำร้ายยาย อาศัยอยู่กับภรรยาอย่างปกติสุข ตอนนี้ตนได้แจ้งเรื่องให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทราบแล้ว ว่าจะดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ถ้าไม่ทำอะไรเลยเดี๋ยวจะได้ใจและจะทำอีก ต้องให้บทเรียน “จะรักกันด้วยหมัดเท้าเข่าศอกไม่มีครอบครัวไหนแสดงความรักด้วยการใช้กำลัง ยิ่งทำกับผู้สูงอายุ ไม่ได้แสดงถึงคำว่ารัก”

จากนั้น กันจอมพลัง พร้อมด้วย คุณยายสายทอง เดินทางไปที่ สภ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พบกับ พ.ต.อ.ปองภพ ประสบพิชัย ผกก.สภ.ท่าเรือ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ซึ่งมีการเชิญตัว พ่อของนายเอ อายุ 54 ปี และตัวนายเอ ผู้ก่อเหตุ เข้ามาพูดคุยและปรับความเข้าใจกับคุณยาย และครอบครัว

พ่อนายเอ กล่าวว่า น้องเป็นลูกติดภรรยา ที่ตนเลี้ยงดูมา รักเหมือนลูก น้องเป็นเด็กเก็บกด แม่เขาเสียชีวิตตั้งแต่วัยหนึ่งขวบ ถูกล้อมาตั้งแต่เด็กๆ ยอมรับว่าอาจจะเลี้ยงดูไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เป็นเด็กมีปัญหา ก็พยายามอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูลูกชายตลอดมา รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเป็นคนกลาง รักแม่ สงสารแม่ และก็รักลูกสงสารลูกเหมือนกัน รู้สึกเครียด ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนเองได้พูดคุยกับลูกชายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพยายามอบรมสั่งสอน ซึ่งลูกชายก็รู้สึกเสียใจ เช่นกัน อยากจะขอโทษย่า ในสิ่งที่ทำผิดลงไป

หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันปรับความความเข้าใจกัน นายเอ ได้นำพานดอกไม้ธูปเทียน เข้ามาขอขมาย่า ซึ่งคุณยาย ได้อโหสิกรรมและยกโทษให้ แต่ในส่วนของการดำเนินคดี ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนบ้านหลังที่เกิดเหตุ คุณยาย จะประกาศขายและจะไปพักอาศัยอยู่กับลูกสาวที่ จ.ชลบุรี ทำให้พ่อของนายเอ ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา สงสารทั้งแม่และลูกชาย ต่อจากนี้ก็จะพาลูกออกไปอยู่ห้องเช่า เพื่อความสบายใจของแม่และจะไม่กลับมารบกวนแม่อีก

ด้านนายเอ เปิดใจ เหตุที่ทำลงไปเนื่องจากเก็บกดกับเรื่องภายในครอบครัว และย่าดุด่าจนถึงจุดอิ่มตัว เก็บอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ จึงลงมือก่อเหตุทำร้ายย่าจนได้รับบาดเจ็บ

พ.ต.อ.ปองภพ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสายตรวจไปที่บ้านทันที และได้นำตัวของนายเอ ผู้ก่อเหตุไปตรวจหาสารเสพติดทันที ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย จากนั้นจึงสอบถามนักจิตวิทยาพบว่าผู้ก่อเหตุไม่มีอาการเกี่ยวกับทางจิตเวช ทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความจึงได้ส่งตัวคุณยายสายทอง รักษาต่อที่โรงพยาบาล เพื่อขอความเห็นของแพทย์เกี่ยวกับบาดแผล ถึงวันนี้ซึ่งได้รับรายงานจากทางแพทย์ว่ามีการรับรักษาตัวทั้งหมด 14 วัน ซึ่งพนักงานสอบสวนจึงได้นำใบรับรองแพทย์มาประกอบในสำนวนคดีในการส่งฟ้อง ในข้อกล่าวหาทำร้ายบุพการีจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสามารถส่งฟ้องได้ภายใน 24 ชั่วโมง

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเกิดเหตุ พูดคุยกับเพื่อนบ้านของคุณยายถึงนิสัยใจคอของนายเอ เล่าว่า นายเอเป็นเด็กอารมณ์ร้อน ชอบรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เปิดเพลงเสียงดัง ต้มน้ำท่อมกิน ใครตักเตือนก็ไม่ได้หัวร้อนด่าทอคนอื่นจนชาวบ้านแถวนี้เอื้อมระอา วันเกิดเหตุเป็นช่วงเช้าคุณยาย ถูกนายนายเอ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บเนื้อตัวฟกช้ำมีเลือดวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือที่บ้าน ซึ่งสามีตนก็วิ่งออกไปตามญาติของคนเจ็บด้านนอกเพื่อช่วยนำส่งโรงพยาบาล จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่เกิดเหตุ นายเอ ยังเข้าใจว่าสามีตนเองเป็นคนแจ้งตำรวจจึงไม่พอใจ มาตะโกนด่าท่อหน้าบ้านข่มขู่หากใครยุ่งจะฆ่าให้ตาย ซึ่งตนเองก็ไม่อยากยุ่งได้ข่าวว่าตำรวจจับตัวนายเอ ไปก็รู้สึกโล่งใจ.