โบกมือปิดจ๊อบชีวิตครอบครัวไปแบบช็อกหัวใจคนไทยทั้งประเทศสำหรับคู่สามีภรรยาร้อยดราม่าของวงการบันเทิงอย่างคู่ของนักร้องสาวอนาคตไกล “กระต่าย พรรณนิภา” และอดีตสามี “ครูไพบูลย์ แสงเดือน” ที่ล่าสุดออกประกาศผ่านโลกออนไลน์ขอทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดีของลูกเท่านั้น โดยขอจบสถานะ “สามี-ภรรยา” ลงหลังปรับจูนกันมานานแต่ไร้ผล ท่ามกลางแฟนคลับที่แห่มาให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก

งานนี้ต้องพูดเลยว่าการเลิกราของคู่สาวกระต่ายและครูไพบูลย์นั้น นอกจากจะสร้างความตกใจและมีแฟนๆ มาให้กำลังใจกันอย่างเนืองแน่นแล้ว คนต่อว่าและปั่นดราม่าก็มี ทำให้ชื่อของครูไพบูลย์และสาวกระต่ายถูกลิสต์เป็นคนต้นๆ ของวงการที่ลงรูปทีไร คอมเมนต์ดราม่าทะลุออกมาตลอด

โดยหลังจากที่ทั้งสองคนออกมาประกาศแยกทางกัน คนก็สนใจหนักมากและพากันให้กำลังใจเป็นจำนวนมากกับการตัดสินใจแยกทางครั้งนี้ของเธอและอดีตสามี พร้อมพากันวิจารณ์อย่างมากมายกับเรื่องราวรักร้อยดราม่าของเธอ ตั้งแต่เปิดตัวรักจนจบด้วยการแยกทาง “บันเทิงเดลินิวส์” เลยไม่พลาดมัดรวมบันทึกรักของทั้งสองคนก่อนจบลงด้วยการผิดหวังเสียใจของสาวกระต่ายมาให้ทราบกัน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 กระต่ายในเวลานั้น กำลังเป็นนักร้องดาวรุ่งพุ่งแรง มีเพลงฮิต อาทิ กลับมาเด้อ, เมาบ่ลืม, สันดานเก่า ฯลฯ และเส้นทางนักร้องกำลังไปได้สวย แต่กลับต้องสะดุดลงระยะหนึ่ง จากการถูกจับผิดในขณะไลฟ์สดทางโซเชียลว่าดูอวบขึ้นคล้ายคนท้อง ก่อนที่จะโดนโยงข่าวลือกระฉ่อนออนไลน์ กรณีนักร้องสาวซุ่มคลอดลูกที่เกิดกับผู้จัดการส่วนตัว ทำให้ชื่อของ “กระต่าย” ถูกโยงกับ “ครูไพบูลย์ แสงเดือน” เจ้าของค่ายเพลงของสาวกระต่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่แล้วไม่นานทั้งคู่ก็ได้ควงกันมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมยอมรับว่ามีลูกด้วยกันจริง โดยนักร้องสาวเอ่ยขอโทษแฟนเพลง และยืนยันว่าไม่มีเจตนาปิดบัง จากนี้ขอดูแลลูกชายที่เกิดมาอย่างดี ด้านครูไพบูลย์พูดชัดเจนว่าฝ่ายชายหย่ากับอดีตภรรยาสาว เอ๋ มิรา แล้ว และได้จดทะเบียนสมรสกับกระต่ายเมื่อต้นปี 2563 ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วในตอนนั้น แต่ก็ไม่รอดเจอดราม่าตามต่อว่าและหาว่าครูไพบูลย์เป็นสมภารกินไก่วัดและเปิดปมแฉสาวกระต่ายอย่างร้อนแรง

ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2564 โลกออนไลน์ก็มีภาพแต่งงาน ผูกข้อไม้ข้อมือของ “กระต่าย” และ “ครูไพบูลย์” ออกมาอีก แต่ทั้งคู่ออกมาโต้ว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่งานแต่งงาน แต่เป็นการถ่าย MV เพลง “ผูกแขนแฟนเพิ่น” ของนักร้องหนุ่ม “เอิร์ต ชิตพงษ์” เท่านั้น ซึ่งงานนี้ต้องบอกเลยว่าตลอดเวลาที่ทั้งสองคนเปิดตัวกันในฐานะสามีภรรยาก็ถูกชาวเน็ตโจมตีทุกเรื่อง ไม่ว่าจะการแต่งตัว ไปเที่ยว การกินดื่ม การทำงาน หรือการทำเพลง เรียกว่าทุกเรื่องที่ทั้งสองคนออกมาลงเรื่องราวในโลกออนไลน์นั้น ชาวเน็ตดันไปเป็นดราม่าได้หมดจริงๆ แต่ทั้งสองคนก็หยัดยืนฟาดคืนชาวเน็ตอยู่เสมอๆ และยิ่งลงรูปอวดความหวานกันจนหลายคนพากันแซะไม่หยุด แต่ทั้งคู่ก็โนสนโนแคร์ เดินหน้าอวดความรักต่อไป ท่ามกลางชาวเน็ตที่ขอแซะบ้าง แซะนิด แซะหน่อย พอเป็นกระสัยเสมอๆ

ขณะเดียวกัน ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2567 มีเพจหนึ่งออกมาทิ้งระเบิดตูมใหญ่ถึงคู่รักที่เลิกรากันแล้ว ซึ่งระบุข้อความว่า “พวกเธอ ลองไปดูคู่นักร้องดังกับสามีที่เคยเป็นผู้ให้ความรู้มาก่อนหน่อยสิ เหมือนจะเตียงหักยังไงชอบกล ลงแคปชั่นเศร้า หัวใจดำ หัวใจพันแผล ยังไง ไหนไปส่องมาสิ เอ้อ รูปคู่หวานหายหมดด้วย”

งานนี้พอมีคำใบ้มา ชาวเน็ตก็ขอทำงานหนัก คิดไปคิดมาและคิดๆ จากนั้นชาวเน็ตจำนวนมากก็พุ่งเป้าไปที่คู่ของ “กระต่าย-ครูไพบูลย์” ทันทีเพราะภาพคู่ที่เคยลงถี่ยิบหายไปจากไทม์ไลน์โซเชียลของทั้งคู่มาพักใหญ่ แถมฝ่ายหญิงยังขึ้นสเตตัสโสดในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกด้วย แต่ฝ่ายชายก็ออกมาตอบคำถามแฟนๆ ว่า “ยังไม่เลิกกัน” แต่ชาวเน็ตก็ยังคงไม่เชื่อพากันมอนิเตอร์คู่นี้ตลอด จนเรื่องราวมาถึงจุดพีคเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา “กระต่าย” โพสต์แจ้งว่าให้ทุกคนได้รับรู้ว่าได้ตัดสินใจแยกทางกับอดีตสามีแล้ว

“กระต่ายขออนุญาตใช้พื้นที่ส่วนตัวของกระต่ายชี้แจงเรื่องของกระต่ายและอ.ไพบูลย์นะคะ ตอนนี้กระต่ายและอ.ไพบูลย์เราได้ตัดสินใจแยกทางกัน เราได้เปลี่ยนสถานะจากสามีภรรยามาเป็นแค่พ่อและแม่ของลูกค่ะ เราพยายามปรับเปลี่ยนและแก้ไขความบกพร่องซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เราสองคนจึงได้พูดคุยตกลงกัน มีความคิดเห็นที่ตรงกันและได้ทบทวนมาอย่างดีแล้วและต่อจากนี้หนูจะขอสร้างสรรค์ผลงานเพลงต่อไปและขอทำหน้าที่แม่ให้เต็มที่ ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ”

นอกจากนี้ “ครูไพบูลย์” ยังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบอกเพียงว่าตนเองอยู่ประเทศลาว แต่เมื่อเข้าไปดูในเฟซบุ๊กส่วนตัว ก็พบว่าได้โพสต์เศร้าทั้งรูปหัวใจแตกสลาย และอิโมจิร้องไห้ รวมไปถึงข้อความเชิงตัดพ้อว่า “Don’t judge me by my past I don’t live there any more” (ซึ่งแปลได้ใจความว่า “อย่าตัดสินฉันจากอดีต ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว”) นั่นเอง

จนกระทั่งล่าสุดทั้งสองคนดูจะมูฟออนได้แล้ว เพราะฝ่ายหญิงก็ลงรูปสุดชิลในโซเชียล และฝ่ายชายก็ขอขยับร่างกายอวดความเท่ซะหน่อยผ่านการดูแลตัวเอง ซึ่งล่าสุดก็มีชาวเน็ตไปแซะว่าไม่เสียใจเลยเหรอคะ เลิกกับกระต่าย ครูไพบูลย์ก็ขอตอบกลับชาวเน็ตให้เคลียร์ๆ ถึงความรู้สึกในใจว่า “ไปดูสตอรี่ โพสต์เก่าๆ หน่อยครับ ผมเสียใจมาก แต่ผมต้องเดินต่อ การจากลาทำไมจะไม่เสียใจล่ะครับ ผมพยายามทุกวิถีทางแล้ว” จากนั้นก็งัดหลักฐานเป็นสตอรี่เก่าที่เคยโพสต์ไว้เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567 เป็นภาพดอกกุหลาบสีแดงช่อโตที่มีการ์ดเขียนข้อความเอาไว้ โดยข้างๆ มีกระเป๋าหรูแบรนด์ดังวางไว้อยู่บนเบาะรถและใส่เพลงดอกไม้และข้อความของศิลปิน Velika ไว้ด้วย ทำเอาหลายคนมอบกำลังใจให้อย่างล้นหลามและขอให้ผ่านพ้นความเศร้าไปให้ได้ด้วย

จะว่าไปชีวิตรักหรือบันทึกรักของ “ครูไพบูลย์-กระต่าย” นั้นก็ไม่ต่างกับหนังสือเล่มหนึ่งจริงๆ ที่มีหลากหลายรสชาติให้อ่าน แม้ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา อาจจะมีเรื่องดีบ้างร้ายบ้างปะปนกันไป แต่บอกเลยว่าเส้นทางนี้ไม่ง่าย เพราะตราบใดที่ “คนสาธารณะ“ โดดลงมาเล่นและฟาดกลับชาวเน็ตแบบ “แสบๆ คันๆ” ก็เลี่ยงไม่ได้หรอก หากวันที่ล้มจะเจอคนสารพัดขุดคลิปในอดีตออกมาเย้ยหรือสมน้ำหน้า ทางที่ดีทำแบบที่ชาวเน็ตรายหนึ่งโผล่แนะนำสาวกระต่ายในเฟซบุ๊กดีกว่า “นิ่งให้เป็น เย็นให้ได้ อย่าตอบโต้ แล้วจะอยู่รอด”

นี่แหละโซเชียลเขาฝากไว้ให้คิด จะได้ไม่ต้องตัดพ้อ ตอนเห็นคลิปเก่าแล้วรำพึงว่ารู้งี้เชื่อคนเตือนตั้งแต่แรกดีกว่า!

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไพบูลย์ แสงเดือน