สถาบันแหล่งทรัพยากรธรรมชาติแห่งกรีนแลนด์ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมาว่ามีชาวบ้านริมฝั่งทะเลเมืองนุก พบเห็นซากปลาฉลามขนาดใหญ่ในระหว่างที่กำลังมีพายุ 

แอนนี บัสค์ เลนเนิร์ต หนึ่งในกลุ่มคนที่พบซากฉลามดังกล่าว  ให้ข้อมูลว่าเธอเคยเห็นฉลามตัวนี้ในทะเลแถบนั้นมาก่อนหลายครั้ง จนกระทั่งมันหายหน้าไป

หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าของท้องที่ก็ได้รับรายงานหลายครั้งว่าพบซากฉลามตัวหนึ่งบนชายหาดของหมู่บ้านอะวานนาร์ลีตในเมืองนุก

ดาเนียล เอสเตเวซ-บาร์เซีย นักชีววิทยาจากสถาบันระบุว่า ซากฉลามที่มีผู้พบตัวนั้นคือฉลามพันธุ์กรีนแลนด์ ซึ่งไม่ค่อยมีใครได้เห็นมันบ่อยนัก

เขาระบุว่า ฉลามตายตัวนี้เป็นเพศเมีย มีความยาวลำตัวประมาณ 13 ฟุต (ราว 3.9 เมตร) น่าจะมีอายุมากกว่า 100 ปี ดูจากร่องรอยส่วนหางของมันที่ขาดหายไป สันนิษฐานว่ามันตายเพราะโดนชาวประมงตามล่า

องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐระบุว่า ฉลามกรีนแลนด์เป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังที่อายุยืนที่สุดในโลก อายุขัยขั้นต่ำของพวกมันคือ 250 ปี และอาจอยู่ได้จนถึงอายุ 500 ปี แหล่งอาศัยและหากินของมันคือทะเลที่หนาวเย็นแถบขั้วโลกเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก และมีมนุษย์พบเห็นมันน้อยมาก

สถาบันแหล่งทรัพยากรธรรมชาติฯ ชี้ว่า ซากของฉลามกรีนแลนด์ที่โดนคลื่นซัดเข้าหาฝั่งนั้นมีน้อยครั้งมาก แต่ไม่มีการเก็บสถิติไว้

ต่อมาในวันที่ 22 ม.ค. 2567 ทีมนักวิทยาศาสตร์แถลงเรื่องการผ่าซากของฉลามดังกล่าวเพื่อตรวจสอบว่ามันมีไข่หรือตัวอ่อนอยู่ในร่างกายหรือไม่  เนื่องจากไม่เคยมีฉลามเพศเมียที่ตั้งท้องเข้ามาในเขตชายฝั่งมาก่อน ผลปรากฏว่าฉลามตัวนี้ไม่ได้ตั้งท้อง อย่างไรก็ตาม ตับของมันมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามันกำลังเข้าสู่ภาวะเตรียมตัวเพื่อมีลูก

นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากซากฉลามและเก็บซากส่วนหัวของมันไว้เพื่อการศึกษาต่อไป

ปัจจุบันยังมีข้อมูลเรื่องการขยายพันธุ์ของฉลามกรีนแลนด์อยู่น้อยมาก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ฉลามกรีนแลนด์ตัวเมียจะสามารถวางไข่หรือมีลูกได้เมื่อเติบโตจนมีขนาดลำตัวยาวราว 13 ฟุตหรือเกือบ 4 เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 150 ปี

ที่มา : miamiherald.com

เครดิตภาพ : Greenland Institute of Natural Resources