สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ว่า สุลต่าน อิบราฮิม สุลต่าน อิสกันดาร์ แห่งรัฐยะโฮร์ พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ ในการปกครองมาเลเซียโดยธรรม ภายใต้กฎหมาย และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ในพระราชพิธี ซึ่งจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่สมพระเกียรติของพระองค์ ณ พระบรมมหาราชวัง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีคณะสุลต่านจากอีก 8 รัฐ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม และคณะรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยาน


ทั้งนี้ สภาผู้ปกครองแห่งมาเลเซีย ซึ่งประกอบด้วยสุลต่านจาก 9 รัฐ ทรงมีมติเห็นชอบ หลังการประชุมที่พระบรมมหาราชวัง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ทรงเลือก สุลต่าน อิบราฮิม สุลต่าน อิสกันดาร์ แห่งรัฐยะโฮร์ ให้เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์ที่ 17 แห่งมาเลเซีย

สมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน อิบราฮิม สุลต่าน อิสกันดาร์ แห่งรัฐยะโฮร์ ทรงลงพระปรมาภิไธยในเอกสาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ทูลเกล้าฯ ถวาย ในพระราชพิธีเสด็จขึ้นครองราชย์ ที่พระบรมมหาราชวัง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์


อนึ่ง ตำแหน่งประมุขแห่งมาเลเซียจะเป็นการครองราชย์หมุนเวียนกัน ระหว่างสุลต่านทั้ง 9 รัฐ ซึ่งแต่ละพระองค์จะทรงดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี โดยสุลต่าน อิบราฮิม สุลต่าน อิสกันดาร์ เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ต่อจากสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน อับดุลเลาะห์ สุลต่าน อาห์หมัด ชาห์ แห่งรัฐปะหัง ส่วนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะเกิดขึ้นในอีก 7 เดือน หลังการเสด็จขึ้นครองราชย์


ปัจจุบัน มาเลเซียอยู่ภายใต้การปกครองแบบสหพันธรัฐ มีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุข อย่างไรก็ตาม ระบอบกษัตริย์ของมาเลเซียมีเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากนี้ แม้อำนาจบริหารทั้งหมดอยู่ในมือของนายกรัฐมนตรี แต่สมเด็จพระราชาธิบดีทรงมีพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ และในระยะหลัง พระองค์ทรงลงไปคลี่คลายวิกฤติการเมืองในประเทศหลายต่อหลายครั้ง.

เครดิตภาพ : AFP