เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่รัฐสภา ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง และสั่งยุติการกระทำ พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา และนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายพิธา แถลงเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนนายชัยธวัช แถลงและตอบคำถามผู้สื่อข่าวเป็นภาษาไทย

นายชัยธวัช กล่าวว่า แม้ศาลจะวินิจฉัยว่าการกระทำของพรรคก้าวไกล ว่าเป็นสิทธิ การใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง แต่พรรคก้าวไกลขอยืนยันอีกครั้งว่า เราไม่ได้มีเจตนาเพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายหรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากชาติแต่อย่างใด นอกจากนี้พวกเรายังเห็นว่าคำวินิจฉัยศาลในวันนี้ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองไทย ในระยะยาวด้วย เช่น อาจกระทบกับความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต อาจกระทบต่อความเข้าใจ และความหมายตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลักการสำคัญของระบบการเมือง ไม่มีความชัดเจนแน่นอน อีกทั้งมีความคลุมเครือ ทั้งในแง่การตีความข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเจตนาว่าอย่างไร คือการล้มล้างการปกครอง

นายชัยธวัช กล่าวว่า คำวินิจฉัยในวันนี้ จะก่อให้เกิดปัญหาต่อดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบบการเมืองไทยในอนาคต อาจจะทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ระบบรัฐสภาในระบบประชาธิปไตยในการหาข้อยุติความขัดแย้ง มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในสังคมในอนาคต สุดท้ายคำวินิจฉัยวันนี้ อาจส่งผลต่อประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ กลายเป็นปมปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทย อาจส่งผลกระทบต่อด้านลบ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เสียเอง พรรคก้าวไกล ขอขอบคุณทุกกำลังใจจากประชาชนที่ส่งมาให้พวกเราตลอด หลังจากที่มีการอ่านคำวินิจฉัย

“คำวินิจฉัยในวันนี้ จะไม่ได้กระทบต่อพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่จะกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ และสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ และผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องของอนาคตระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นายชัยธวัช กล่าว