ท่ามกลางเสียงคัดค้าน เสียงวิจารณ์จนเกิดดราม่ากันอย่างต่อเนื่อง และหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล คงจะต้อง “จมเรือดำน้ำ” ของกองทัพเรือแน่  

โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง มารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ใหม่ๆ มีท่าทีไม่เอาเรือดำน้ำ และหันเหหัวเรือไปสนใจการจัดซื้อเรือฟริเกตแทน แต่กลายเป็นว่าเมื่อเวลาผ่านไป ท่าทีเปลี่ยนแปลงไป รมว.กลาโหม ไม่พูดถึงเรื่องการซื้อเรือฟริเกต แต่จะพูดเน้นย้ำว่าต้องเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำต่อ ด้วยความพยายาม “ดึงเกมช้า” ลดกระแสความร้อนแรง รวมไปถึงสร้างความรัดกุมให้กับตัวเอง ด้วยการขอความเห็นจากอัยการสูงสุด ในประเด็นทางกฎหมายที่สงสัย จนอัยการสูงสุดก็มีหนังสือตอบกลับมาเรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน “บิ๊กทิน” ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแนวทางและหาทางออกแก้ไขปัญหาการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน โดยมี “พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา” ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม เป็นประธาน และคณะทำงานชุดนี้ จะมีสัดส่วนของทหาร และพลเรือนใกล้เคียงกัน โดยไม่มีสัดส่วนของ สส. เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้ง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร”, “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งสองคนเป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

ทว่าในส่วนของพรรค “ก้าวไกล” แม้การต่อรองจะไม่เป็นผล แต่ขอส่ง “พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์“ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปร่วมในคณะกรรมการฯ

โดยคณะทำงานชุดนี้ มีกรอบระยะเวลาดำเนินการ 30 วัน ขณะที่ ”สุทิน“ ระบุว่า คณะกรรมการศึกษาหาทางออกการจัดซื้อเรือดำน้ำ จะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 6 ก.พ. นี้ แต่ในการหารือวันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันมาก เพราะต้องรอให้เข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้น พร้อมยืนยันว่าคณะกรรมการชุดนี้จะไม่มี สส. มาร่วมด้วย แต่ให้มีการส่งตัวแทนมา 

ในท้ายที่สุดของที่สุดคือ ถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า เรือดำน้ำเจ้าปัญหาจะเดินหน้าต่อไป ด้วยวิธีการอย่างไรก็ว่ามา หรือจะปล่อยให้อับปางลง ทั้งที่ยังสร้างไม่เสร็จ ปล่อยให้เป็นมหากาพย์เรือดำน้ำไทย เข้าสู่การเคานท์ดาวน์นับถอยหลังที่ผู้เกี่ยวข้องต้องตัดสินใจว่า จะดำเนินการต่อไปอย่างไร จะยืดระยะเวลาการจัดซื้อเรือดำน้ำลำนี้ออกไป และปล่อยดีลนี้ให้คาราคาซังต่อ โดยไทยยังต้องผ่อนต่อไป

แต่อย่าลืมว่ารัฐบาลชุดก่อนได้อนุมัติงบสนับสนุนโครงการเรือดำน้ำไปแล้วก้อนโต ทั้งสั่งต่อเรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำ 1 ลำ ก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ และอื่นๆ อีกมากมายไปแล้ว ถ้าล้มโครงการซื้อเรือดำน้ำจีน งบที่ถลุงไปแล้วกว่าหมื่นล้านบาทก็สูญฟรี กลายมหากาพย์เรือดำน้ำ ที่ยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่ยุครัฐบาล คสช. จึงถือเป็นบทพิสูจน์ฝีมือการบริหารของ “บิ๊กทิน” ภายใต้การนำของ “นายกฯ เศรษฐา” เมื่อเดินหน้าไปแล้วครึ่งซอย ก็ต้องเดินต่อให้สุดซอย.