สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ว่าชาวปากีสถานผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งราว 128 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศราว 240 ล้านคน ทยอยออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ทั้ง 336 ที่นั่ง โดยคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศเปิดให้ประชาชนเข้าไปลงคะแนน ระหว่างเวลา 08.00-18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (10.00-20.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย)


ทั้งนี้ พรรคสันนิบาตมุสลิมปากีสถาน-นาวาซ (พีเอ็มแอล-เอ็น) ของอดีตนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ มีแนวโน้มได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด ท่ามกลางการวิเคราะห์ว่า เกี่ยวข้องกับการที่อดีตผู้นำกลับมาได้รับความสนับสนุนจากกองทัพปากีสถานอีกครั้ง โดยชารีฟ วัย 74 ปี เดินทางกลับมายังปากีสถาน เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว หลังลี้ภัยอยู่ในสหราชอาณาจักรนานหลายปี

นายนาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ขึ้นเวทีปราศรัย ที่เมืองคาซูร์ ในแคว้นปัญจาบ ทางตะวันออกของปากีสถาน


ขณะที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังรวมกันมากกว่า 650,000 นาย รักษาความปลอดภัยตามหน่วยเลือกตั้ง และพื้นที่เปราะบางทุกแห่งทั่วปากีสถาน เนื่องจากก่อนถึงวันลงคะแนนเพียงวันเดียว เกิดเหตุระเบิดที่สำนักงานของผู้สมัครรับเลือกตั้งสองคน ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 28 ราย และได้รับบาดเจ็บรวมกันมากกว่า 30 คน

ทหารปากีสถานกระจายกำลังรักษาความปลอดภัย ตามหน่วยเลือกตั้ง ในเมืองการาจี


มีการวิเคราะห์ด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เหมือนเป็น “ภาพซ้ำรอย” การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2561 ซึ่งครั้งนั้นศาลตัดสิทธิชารีฟจากการลงสมัคร เนื่องจากเป็นบุคคลต้องคดีอาญา และนายอิมราน ข่าน นำพรรคเตห์รีค-อี-อินซาฟ (พีทีไอ) ชนะการเลือกตั้ง ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ ข่านถูกตัดสิทธิทางการเมือง และศาลพิพากษาให้รับโทษจำคุกนานหลายสิบปี จากความผิดหลายคดี ที่ฝ่ายสนับสนุนมองว่า “เป็นข้อกล่าวหาทางการเมือง”

ประชาชนเดินผ่านแผ่นป้ายหาเสียงของนายอิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรี ในกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน


อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ดุเดือดกว่าการเลือกตั้งเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตรงที่คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่อนุญาตให้พรรคพีทีไอใช้สัญลักษณ์ของตัวเองในการหาเสียง ซึ่งเป็นการบีบทางอ้อมให้ผู้สมัครจำนวนมากต้องลงสมัครในนามอิสระแทน


อนึ่ง หากพรรคพีเอ็มแอล-เอ็น ไม่สามารถครองเสียงข้างมากพรรคเดียวในสภาได้ แน่นอนว่าต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคที่มีขนาดรองลงมา ซึ่งความเป็นไปได้มากที่สุด คือการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาชนปากีสถาน (พีพีพี) ของนายพิลาวัล บุตโต บุตรชายของนางเบนาซีร์ บุตโต อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน.