เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ภายหลังพนักงานอัยการยื่นฟ้องศาลอาญาประทับฟ้องคดีไว้พิจารณาหมายเลขดำ อ.433/2567 และสอบปากคำให้การจำเลยทั้งสองแล้วให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลจึงนัดตรวจหลักฐานทั้งสองฝ่ายวันที่ 10 มิ.ย.นี้ เวลา 13.30 น.
ต่อมา ญาติของนายกิตติศักดิ์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณา
ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าตามพฤติการณ์กระทำผิดตามฟ้อง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก กระทบต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง และมูลค่าความเสียหายสูง กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง หากปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณา ยกคำร้อง
ส่วน น.ส.ยสบวร ไม่ได้ยื่นประกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวทั้งสองไปยังเรือนจำ
ยื่นฟ้องอีก 2 ผู้ต้องหาคดีหุ้น STARK ส่งหนังสือด่วนถึงอธิบดี DSI ตามจับทายาทสีหมื่นล้าน

นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมาย ผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายกลุ่มรวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค เปิดเผยว่า วันนี้อัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาเป็นจำเลย 2 ราย เพิ่มเติมเข้ามาในคดีคือ นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 5 ซึ่งสืบทราบมาว่าเป็นผู้ที่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องยอดซื้อยอดขายซัพพลายเออร์ ส่วน น.ส.ยสบวร อำมฤต ผู้ต้องหาที่ 11 บ้างก็ว่าเป็นเลขาฯ บ้างก็ว่าเป็นเหมือนกับมือขวาของ นายชนินทร์ ซึ่งได้หนีไปต่างประเทศแล้ว ซึ่งทั้งสอง 2 คนไม่ใช่ตัวผู้บริหารระดับสูงสุด ไม่ใช่ผู้ที่ตักตวงผลประโยชน์สูงสุด แต่เป็นผู้ที่ทำงานให้กับผู้ที่อาจจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด
ซึ่งวันนี้เราก็ถามคำถามว่า รายที่ควรจะต้องถูกอัยการฟ้องก็คือ นายวนรัชต์ แต่ไม่มาในวันนี้ กระแสข่าวบอกว่ามีอาการหัวใจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน มีการส่งใบรับรองแพทย์มา เราก็ฝากความหวังผ่านสื่อมวลชนให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐช่วยติดตามตัวมา เพราะเราก็อยากให้เขาเข้ามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจในชั้นศาล เราอยากจะให้มาเปิดเผยข้อมูลให้เราฟังว่าที่บอกจะช่วยเหลือผู้เสียหาย จะช่วยเหลืออย่างไร และที่ผ่านมาท่านปล่อยปละละเลยอย่างไร ถ้าท่านแสดงความบริสุทธิ์ใจ แสดงความสุจริตใจที่จะยอมรับผิด สำนึกผิด และบอกว่าจะชดใช้ผู้เสียหายอย่างไร ตนเชื่อว่าผู้เสียหายพร้อมคุย และตนก็เชื่อว่าศาลอาญาอาจจะนำมาพิจารณาประกอบจากหนักเป็นเบาได้ แต่ถ้าเกิดปฏิเสธอย่างเดียวแล้วหายตัว ตนคิดว่ามันก็ไม่ดีสำหรับตัวท่านเอง