เมื่อวันที่12 ก.พ. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ วันที่ 74 โดยเมื่อเวลา 15.00 น. สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้รายงานผลการลงทะเบียน พบว่า มีประชาชนลงทะเบียนแล้ว 141,351 ราย มูลหนี้รวม 9,881.458 ล้านบาท เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 118,666 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 22,685 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 110,910 ราย มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก ดังนี้ 1. กรุงเทพมหานคร ยังคงมีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 11,117 ราย เจ้าหนี้ 8,061 ราย มูลหนี้ 858.943 ล้านบาท 2. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 5,693 ราย เจ้าหนี้ 5,300 ราย มูลหนี้ 387.695 ล้านบาท 3. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 5,230 ราย เจ้าหนี้ 4,178 ราย มูลหนี้ 343.901 ล้านบาท 4. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 4,908 ราย เจ้าหนี้ 3,942 ราย มูลหนี้ 423.086 ล้านบาท 5. จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ลงทะเบียน 3,784 ราย เจ้าหนี้ 2,682 ราย มูลหนี้ 340.559 ล้านบาท
ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 231 ราย เจ้าหนี้ 235 ราย มูลหนี้ 14.110 ล้านบาท 2. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน 329 ราย เจ้าหนี้ 244 ราย มูลหนี้ 23.423 ล้านบาท 3. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 372 ราย เจ้าหนี้ 290 ราย มูลหนี้ 14.086 ล้านบาท 4. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน 450 ราย เจ้าหนี้ 329 ราย มูลหนี้ 19.999 ล้านบาท และ 5. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 465 ราย เจ้าหนี้ 353 ราย มูลหนี้ 24.416 ล้านบาท
“สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 21,810 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 13,141 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนการไกล่เกลี่ย 1,984.118 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 1,308.793 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 675.324 ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 3,197 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 349 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 263.020 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 34.207 ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง 228.813 ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งต่อเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่ดำเนินคดีไปแล้ว 267 คดี ใน 34 จังหวัด” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการรับลงทะเบียนหนี้นอกระบบมาอย่างต่อเนื่อง โดยยังเหลือระยะเวลาเปิดรับอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐได้บูรณาการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เราได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเราได้ร่วมกันขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีความมุ่งมั่นในการที่จะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นหนี้นอกระบบ เพราะต้องชำระดอกเบี้ยสูงมากและเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังมีกระบวนการวิธีการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรงโหดร้ายทารุณ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เปรียบเปรยว่าคนที่เป็นหนี้นอกระบบเปรียบเสมือน “ทาสยุคใหม่” ดังนั้น เราจึงเต็มใจที่จะร่วมไม้ร่วมมือเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่มีปัญหาความเดือดร้อนให้มาลงทะเบียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเพื่อดำเนินการให้การช่วยเหลือโดยทันที
“ในส่วนของการนำเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ปัจจุบันมีประชาชนที่มาลงทะเบียนหนี้นอกระบบที่เป็นลูกหนี้ จำนวนกว่า 140,000 คน ซึ่งบางส่วนที่ไม่สามารถให้ข้อมูลเจ้าหนี้นอกระบบได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้การติดตามติดต่อเพื่อเชิญมาไกล่เกลี่ยได้ยาก ซึ่งเราได้มีการประชุมปรึกษาหารือพบว่าทั้งหมดที่ไม่สามารถให้ข้อมูลเจ้าหนี้นอกระบบได้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบมืออาชีพ มีลูกน้องที่เรียกว่าแก๊งหมวกกันน็อค ไปปล่อยเงินกู้ตามตลาดตามชุมชน ทำให้ชาวบ้านทราบเฉพาะเพียงชื่อเล่นของเจ้าหนี้ ซึ่งใช้วิธีการทวงหนี้แบบเดินเก็บตามตลาดหรือในที่ที่ลูกหนี้ทำมาหากินอยู่ ในส่วนนี้กระทรวงมหาดไทยได้หารือกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งท่านพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบให้ท่านพลตำรวจเอก ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนสอบสวน หาทางจับกุมต่อไป โดยทางกระทรวงมหาดไทยจัดส่งข้อมูลรายละเอียด อาทิ รายชื่อ และสถานที่ที่คนกลุ่มนี้ไปปล่อยกู้ ซึ่งทั้งหมดเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบกิจการปล่อยกู้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเก็บดอกเบี้ยที่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด รวมถึงได้ส่งข้อมูลการทวงหนี้แบบใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่คุกคาม ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการต่อไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้เน้นย้ำให้ทุกอำเภอดำเนินการจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” อย่างน้อยเดือนละ 4 ครั้ง หนุนเสริมเพิ่มเติมจากตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัดที่มีการจัดเดือนละ 1 ครั้ง โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เป็นเหมือน “One Stop Service” ในการแก้หนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว ซึ่งประชาชนที่มาลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมตลาดนัดแก้หนี้ ภาครัฐจะได้ทำการให้การช่วยเหลืออย่างถูกต้อง ครบถ้วน และรวดเร็ว ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมามีผลตอบรับที่ดีและสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนได้จริง รวมถึงประชาชนที่ไม่ได้เป็นหนี้นอกระบบก็สามารถมารับคำปรึกษาจากสถาบันการเงินได้ อาทิ การปรึกษาเรื่องสินเชื่อเพื่อการลงทุน การประกอบอาชีพ นับเป็นการแก้ไขหนี้นอกระบบในเชิงป้องกันอีกทางหนึ่ง ด้วยแนวทางเพิ่มรายได้ขยายโอกาส ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถประกอบสัมมาอาชีพที่มีรายได้ที่ดีอย่างยั่งยืน ไม่ต้องไปเป็นหนี้นอกระบบ ตลอดจนถึงเรื่องกระบวนการไกล่เกลี่ย เราดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบทุกกรณี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยขอยืนยันว่าจะทำให้ครบ 100% “ชาวมหาดไทยทุกคนดีใจและมีความสุขที่ได้ทำงานตรงนี้ “เราทำด้วยใจ ไม่มีเบี้ยเลี้ยง ไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ” แต่เราทำด้วยหัวใจที่อยากบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน และจะร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินการแก้ไขหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดความยั่งยืน ขณะนี้ยังเหลือเวลาอีก 17 วันที่พี่น้องประชาชนยังคงสามารถลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเราจะรับลงทะเบียนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ทั้งการเดินทางไปขอคำปรึกษาและลงทะเบียน ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด (ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด) ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง (ห้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ) สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพื้นที่การจัดมหกรรมตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัด และตลาดนัดแก้หนี้อำเภอ หรือสามารถลงทะเบียนทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวปิดท้าย