การต่อสู้แย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ กำลังเข้มข้นสุดขีด หลัง 3 ทีมหัวตารางอย่าง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี และ อาร์เซนอล ยังไม่มีใครยอมหลุดวงโคจรไปง่าย ๆ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี เปิดหัวด้วยการต้อน เอฟเวอร์ตัน 2-0 ทำสถิติคว้าชัย 6 นัดรวด พร้อมแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงได้อีกครั้ง

ทว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงถัดมา “หงส์แดง” ก็ทวงบัลลังก์กลับคืนมาได้สำเร็จ หลังเปิดรัง แอนฟิลด์ สอนเชิง เบิร์นลีย์ 3-1

ปิดท้ายด้วย อาร์เซนอล ที่บุกไปถล่ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แหลกราน 6-0 ในคืนวันอาทิตย์ พร้อมทำแต้มขยับขึ้นมาทาบ ซิตี ทีมอันดับ 2 ที่ 52 คะแนน และตามหลัง ลิเวอร์พูล ที่นำเป็นจ่าฝูงด้วยผลงาน 54 แต้ม เพียง 2 คะแนนเท่านั้น

ต่อไปนี้คือ 5 โปรแกรมสำคัญในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นของทั้ง 3 ทีม ที่ว่ากันว่า ผลการแข่งขันที่ปรากฏออกมาน่าจะสามารถตัดสินได้เลยว่า ใครมีโอกาสจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ไปครองมากที่สุด

ลิเวอร์พูล :แข่ง 24, แต้ม 54, ผลต่างประตูได้เสีย +32

ลิเวอร์พูล ยังคงได้เปรียบคู่แข่งทั้ง 2 ทีมด้วยคะแนน และผลต่างประตูได้เสียที่เหนือกว่า แม้จะแข่งมากกว่า แมนฯ ซิตี อยู่ 1 นัดก็ตาม

กระนั้น หงส์แดง ยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคอีกมากมายหากจะไปให้ถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร โดยโปรแกรมถัดไปที่ เครื่องจักรสีแดง จะต้องเผชิญกับทีมระดับบิ๊ก 6 คือเกมที่พวกเขาจะเปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ แมนฯ ซิตี ในวันที่ 10 มี.ค.

นอกจากนี้ เดอะ เรดส์ ยังต้องเผชิญหน้ากับ 2 อริตัวเอ้อย่าง เอฟเวอร์ตัน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมทั้งทีมอันดับ 5 อย่าง แอสตัน วิลลา อีกต่างหาก ขณะที่เกมเปิดบ้านซด ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ก่อนหน้านั้น ก็ถือว่าหนักไม่แพ้กัน

10/03: แมนฯ ซิตี (เหย้า)
17/03: เอฟเวอร์ตัน (เยือน)
06/04: แมนฯ ยูไนเต็ด (เยือน)
04/05: สเปอร์ (เหย้า)
11/05: แอสตัน วิลลา (เยือน)

แมนฯ ซิตี :แข่ง 23, แต้ม 52, ผลต่างประตูได้เสีย +31

แมนฯ ซิตี เครื่องเริ่มติด หลังได้ 2 กำลังสำคัญอย่าง เควิน เด บรอยน์ และ เออร์ลิง ฮาลันด์ กลับมาสู่ทีมในสภาพฟิตเต็มถังอีกครั้ง รวมทั้งจะแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงทันทีหากสามารถเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ได้สำเร็จในเกมนัดตกค้างในวันอังคารที่ 20 ก.พ.

อย่างไรก็ตาม เรือใบสีฟ้า จะต้องเผชิญกับศึกหนัก 3 แมตช์ซ้อนกับ แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล ในเดือน มี.ค. ซึ่งหากทีมของ เปป กวาร์ดิโอลา เก็บได้ 9 คะแนนเต็ม ก็คงไม่มีใครไล่พวกเขาทันแน่นอน

นอกจากนี้ เกมบุกรัง สเปอร์ ที่พวกเขาไม่เคยเอาชนะได้เลยในการออกไปเยือนในลีกนับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา ก็ถือเป็นปราการด่านสุดท้ายที่มีสิทธิจะทำให้ เดอะ ซิติเซนส์ ฝันสลายไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 4 ติดต่อกันได้เช่นกัน

20/02: เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า)
03/03: แมนฯ ยูไนเต็ด (เหย้า)
10/03: ลิเวอร์พูล (เยือน)
31/03: อาร์เซนอล (เหย้า)
20/04: สเปอร์ (เยือน)

อาร์เซนอล :แข่ง 24, แต้ม 52, ผลต่างประตูได้เสีย +31

จากการที่สามารถเอาชนะ นิวคาสเซิล ได้แค่เกมเดียวจากการเผชิญหน้ากัน 4 ครั้งหลังสุด รวมถึงการบุกไปแพ้ 0-1 ที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ก เมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้เกมพบ สาลิกาดง หนต่อไปในวันที่ 24 ก.พ. นี้ ถือเป็นอุปสรรคด่านสำคัญที่ อาร์เซนอล จะต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้หากหวังจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครองเป็นหนแรกในรอบ 20 ปี

นอกจากนี้ ในเดือน มี.ค. เดอะ กันเนอร์ส ยังพบศึกหนักกับ เชลซี ก่อนที่จะต้องยกพลบุกไปเยือน แมนฯ ซิตี อีกด้วย ขณะที่เกมบุกรัง สเปอร์ อริตัวเอ้ ในเดือน เม.ย. และ เกมดวลเกือก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็นับว่า สามารถชี้ชะตาของพวกเขาได้เลยเช่นกัน

24/02: นิวคาสเซิล (เหย้า)
16/03: เชลซี (เหย้า)
31/03: แมนฯ ซิตี (เยือน)
27/04: สเปอร์ (เยือน)
11/05: แมนฯ ยูไนเต็ด (เยือน).

ภาพ AFP