เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่ บช.สอท. ได้ออกหมายเรียกไปให้การในฐานะพยานในวันพรุ่งนี้ ปมโยงเว็บพนันของ “มินนี่” ว่า เรื่องนี้มีการปูพื้นมาจากเว็บพนันของเครือข่ายมินนี่ และมีการโยงเส้นทางการเงินมายังลูกน้องของตนทั้ง 8 คน และสำนวนคดีมีการสั่งฟ้องไปยังอัยการแล้ว ตำรวจจะหมดอำนาจทันทีในการสอบสวน ถ้ามีการสอบสวน จะต้องมีคำสั่งจากอัยการเท่านั้น ยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้องเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ เนื่องจากตนไม่ได้ให้คุณให้โทษกับเว็บพนัน และตนไม่ได้คุมไซเบอร์ ถึงแม้ว่าจะเป็น รอง ผบ.ตร. ที่ดูความมั่นคงก็ตาม ส่วนกรณีพบเส้นทางการเงินของตน โอนไปยังลูกน้องนั้น ยืนยันว่าเป็นเงินที่ตนให้ไปทำงาน ไม่ใช่เงินที่มาจากเว็บพนัน

“เปรียบเหมือนการเปิดบ่อน จะต้องโอนเงินให้กับผู้ที่ให้คุณให้โทษได้ ต้องจ่ายให้คนมีอำนาจหน้าที่ในการปราบปรามบ่อน แต่ลูกน้องตนทั้ง 8 คน ไม่มีอำนาจในการปราบเว็บพนัน รวมถึงตนก็ไม่ได้คุมไซเบอร์ หรือคุมออนไลน์ ตนคุมปราบปรามค้ามนุษย์ คงไม่มีใครเอาเงินมาจ่ายค่าเคลียร์หรอก”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า และที่ตนต้องตกเป็นเป้าหมายนั้น เชื่อว่าสังคมรู้ดีว่าเป็นการดิสเครดิตตน ส่วนจะเป็นเรื่องไหนนั้น ตนไม่ขอพูด และเชื่อว่าจะมีการแต่งบทละครใส่ร้ายตนให้เสียชื่อเสียงจนกว่าคดีนี้จะยุติ

หมายเรียก ของ สอท. ที่ระบุว่า ให้ตนไปให้การในฐานะพยานนั้น จนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับการประสานแต่อย่างใด ส่วนจะเดินทางไปหรือไม่นั้น ต้องดูว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจอะไร และต้องเป็นคำสั่งของอัยการเท่านั้น ตนถึงจะเดินทางไป เพราะสำนวนคดีนี้อยู่กับอัยการ และส่วนหนึ่งอยู่ที่ ป.ป.ช. ส่วนกรณีอัยการถูก 1 ใน 8 ลูกน้องของตนไปคุกคาม สะกดรอยตามนั้น จากการสอบถามลูกน้องยืนยันว่า ไม่ได้กระทำการลักษณะดังกล่าว และหลังจากเป็นกระแส ก็ได้ยื่นเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ สำหรับคดีนี้ ตนรู้สึกสงสารลูกน้อง และพนักงานสอบสวนบางคนที่ถูกเรียกมาเซ็นชื่อแต่ไม่ได้ทำสำนวน ขอเตือนว่าพอถึงเวลาปัญหาเกิดขึ้น จะต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีนายอยู่เคียงข้าง เพราะตนเจอมาหมดแล้ว พร้อมเตือนสื่อมวลชนที่แชร์ข่าวให้ตนได้รับความเสียหาย ให้พึงระวังหากข่าวดังกล่าวไม่จริง ตนจะใช้กฎหมายดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีการไปคุกคาม ได้มีการมาปรึกษาก่อนยื่นจดหมายถึงนายกฯ หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนเพิ่งรู้หลังจากที่ยื่นหนังสือไปแล้ว เพราะถ้าทราบก่อนจะไม่ให้ยื่นเด็ดขาด เพราะมองว่าไม่จำเป็น ส่วนกรณีของ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ถูก 1 ในชุดพนักงานสอบสวนของ สอท. โทรศัพท์เข้ามาเพื่อให้กลับคำให้การ ทำให้ตนและพวกเข้าไปเกี่ยวข้อง ยืนยันว่า มีการติดต่อมาจริง เป็นพนักงานสอบสวน ยศนายพัน ในวันพรุ่งนี้ ลูกน้องของตนจะยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบ ว่าพนักงานสอบสวนคนดังกล่าว เข้าข่ายผิด ม.157 หรือไม่