สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ว่าคณะผู้บริหารฮ่องกงเสนอร่างกฎหมาย “พิทักษ์ความมั่นคงแห่งชาติ” เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติ ซึ่งจำแนกฐานความผิดออกเป็น 5 ประการ ได้แก่ การก่อกบฏ การปลุกระดม การจารกรรมและการขโมยข้อมูลรัฐ การก่อวินาศกรรรมเพื่อทำลายความมั่นคง และการแทรกแซงจากภายนอก


ทั้งนี้ บทลงโทษสูงสุดตามกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ หากผ่านความเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติของฮ่องกง คือ การต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต


ขณะเดียวกัน ในร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่คณะผู้บริหารเสนอครั้งนี้ ยังมีการระบุเกี่ยวกับ การรื้อฟื้นกฎหมายต่อต้านการปลุกระดม ซึ่งมีบทบัญญัติรวมถึง การห้ามปลุกปั่นยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน และระบบสังคมนิยมของจีน โดยบทลงโทษจำคุกอยู่ที่ระหว่าง 2-10 ปี


นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังระบุเกี่ยวกับ การมอบอำนาจให้แก่พนักงานสอบสวนสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยละเมิดกฎหมายความมั่นคงได้นานสูงสุด 16 วัน โดยไม่จำเป็นต้องมีการตั้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ และสามารถห้ามบุคคลนั้นเข้าถึงกระบวนการช่วยเหลือเพื่อต่อสู้คดีด้วย และการกระทำผิดกฎหมายความมั่นคงของฮ่องกง แม้เกิดขึ้นนอกแผ่นดินฮ่องกง แต่ถือว่า อำนาจของเจ้าพนักงานและอำนาจศาลครอบคลุมถึงด้วย


ปัจจุบัน ฮ่องกงใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ที่บัญญัติโดยสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) ในกรุงปักกิ่งของจีน เมื่อกลางปี 2563 เพื่อยุติการประท้วงที่ยืดเยื้อ 1 ปีก่อนหน้านั้น ส่งผลให้มีการดำเนินคดีและจำคุกนักเคลื่อนไหวจำนวนมาก และหลายคนหลบหนีออกไปลี้ภัยในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม นายจอห์น ลี หัวหน่าคณะผู้บริหารฮ่องกง กล่าวว่า การเสนอร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ เป็นการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 23 ของเบสิก ลอว์ หรือกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง ที่ระบุว่า ฮ่องกงควรบัญญัติกฎหมายเป็นของตัวเอง เพื่อยับยั้งการกระทำการใดก็ตาม ที่เป็นการทรยศ การแยกตัว การยุยงปลุกปั่น และการโค่นล้มรัฐบาลปักกิ่ง.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES