ศึกฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023-24 รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา อัล นาสเซอร์ ทีมดังของซาอุดีอาระเบีย ที่นำทีมโดยซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง คริสเตียโน โรนัลโด เปิดรังที่สนาม อัล-อาวัล สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ อัล ไอน์ จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งนัดแรก อัล ไอน์ เอาชนะมาก่อน 1-0 ปรากฏว่าเกมนี้ อัล นาสเซอร์ โดน อัล ไอน์ นำก่อน 2-0 แต่มายิงแซง 3 ลูกรวดชนะ 3-2 จาก ทำให้สกอร์รวม 2 นัดเสมอ 3-3 ต้องไปสู้กันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที

ในช่วงต่อเวลาพิเศษ อัล นาสเซอร์ ต้องมาเหลือ 10 คนหลัง ไอมาน ยาห์ยา โดนใบแดงไล่ออกในนาที 98 ก่อนที่ อัล ไอน์ จะมายิงประตูตีเสมอ 3-3 จาก ซัลตาน อัล-ชามซี ในนาที 103 สกอร์รวม 2 นัด พลิกนำ 4-3 แต่ คริสเตียโน โรนัลโด สวมบทฮีโร่ยิงจุดโทษเข้าไปในนาที 118 พา อัล นาสเซอร์ แซงนำ 4-3 สกอร์รวม 2 นัดเสมอ 4-4 และจบ 120 นาทีด้วยสกอร์นี้ ทำให้ต้องไปตัดสินผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งทีมเยือน อัล ไอน์ ยิงได้คมกว่า หลังยิงเข้าไป 3 จาก 5 คนส่วน อัล นาสเซอร์ ยิงเข้าเพียงคนเดียวจาก โรนัลโด ทำให้ อัล ไอน์ ลิ่วเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-4 และชนะจุดโทษ 3-1 ถีบ อัล นาสเซอร์ ของ โรนัลโด ตกรอบถ้วยใหญ่เอเชียทันที

หลังจบเกมที่ตกรอบเหลือเชื่อ หลุยส์ กาสโตร กุนซือ ของ อัล นาสเซอร์ เปิดใจแบบสุดช้ำว่า “นัดนี้เรามีโอกาสยิงได้ อัล-ไอน์ มากถึง 30 ครั้ง และสร้างโอกาสทำประตูได้มากกว่า และเกมเหนือกว่าชัดเจน เรามีการซ้อมยิงลูกจุดโทษกันอยู่แล้ว และบรรดานักเตะคือคนที่ต้องรับผิดชอบตอนที่ยิงมัน วันนี้ความยุติธรรมของโลกฟุตบอลไม่ได้อยู่ข้างเรา”

ภาพ AFP