เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อเร็วๆนี้  ตนได้ย้ำถึงการขับเคลื่อนนโยบายเรียนดีมีความสุขของพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ โดยได้มอบหมายให้สำนักต่างๆภายใต้ สพฐ.ไปจัดทำแผนงานตามนโยบายดังกล่าวในรอบวันที่ 1 ต.ค.2566 จนถึงปัจจุบันว่า หน่วยงานสำนักไหนได้ขับเคลื่อนนโยบายเรียนดีมีความสุขที่ประสบความสำเร็จไปแล้วกี่เรื่อง เช่น สถานีแก้หนี้ครูของเขตพื้นที่การศึกษา ได้ช่วยลดภาระหนี้ครูไปแล้วจำนวนกี่คน และมีแนวทางป้องกันไม่ให้ครูกลับไปเป็นหนี้สินอีกอย่างไร เป็นต้น รวมถึงแนวทางการลดภาระนักเรียน และลดภาระผู้ปกครองแต่ละสำนักได้ดำเนินการขับเคลื่อนไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะต้องกลับมาสรุปผลอีกครั้งในการประชุมสพฐ.ครั้งถัดไป

เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้สพฐ.ยังได้กำหนดตัวชี้วัดของนโยบายเรียนดีมีความสุขด้วย ซึ่งนอกจากผู้เรียนจะมีการวัดสมรรถนะตามหลักสูตรขั้นพื้นฐานและความรู้ความสามารถผ่านคุณลักษณะอันพึงประสงค์แล้ว จะต้องมีตัวชี้วัดที่ระบุว่าพฤติกรรมแบบไหนถึงจะเรียกว่าเรียนดีมีความสุข และครูจะต้องสอนอย่างไรให้ผู้เรียนมีความสุข ซึ่งสพฐ.ได้ส่งแนวปฎิบัติเรื่องตัวชี้วัดนโยบายเรียนดีมีความสุขไปยังโรงเรียนทุกแห่งแล้ว เพื่อเป็นแนวทางกลางในการกำหนดตัวชี้วัดต่อไป  เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนตามความสุขของโรงเรียนมีบริทบทที่แตกต่างกัน  โดยตัวชี้วัดด้านนโยบายเรียนดีมีความสุขนั้น  เช่น สถานศึกษาต้องปลอดภัย ต้องไม่มีปัญหาการบูลี่ เด็กต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นปลอดภัยจากเพื่อนและครู

“สำหรับประเด็นเรื่องลดภาระครูด้วยการยกเลิกครูเวรโรงเรียนนั้น เท่าที่ผมรับรายงานพบว่า ครูมีความสุขมากขึ้นและพร้อมจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้สพฐ.กำลังสำรวจภาระครูด้านอื่นๆที่ไม่ใชใช่ภาระงานจากศธ. แต่มีมาจากหน่วยงานอื่น โดยกำลังสำรวจว่ามีหน่วยงานไหนที่เข้ามาจัดกิจกรรมที่เป็นภาระงานครู เพื่อทำหนังสือไปถึงหน่วยงานนั้นๆว่ากิจกรรมต่างๆมีความจำเป็นหรือไม่ ทั้งนี้ผมมั่นใจคุณภาพของผู้เรียนจะเด็กดีขึ้น เพราะเราลดภารงานครูไปแล้วหลายเรื่อง  ดังนั้นสพฐ.จะกำหนดเป้าหมายว่าเมื่อลดภาระงานครูลงไปแล้วเป้าของครูในการยกระดับคุณภาพการสอนของผู้เรียนจะต้องทำได้ขนาดไหน ซึ่งโรงเรียนจะต้องกำหนดค่าเป้าหมายว่า คะแนนการสอบของผู้เรียนหมวดต่างๆจะต้องเพิ่มขึ้นเท่าไร รวมไปถึงการสอบโอเน็ต และพิซาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่รมว.ศธ.กำชับมาก” ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าว