เมื่อวันที่ 17 มี.ค. น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร กรรมการบริหารพรรค และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากประเด็นที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เรียกร้องให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ โดยให้เหตุผลว่ามีหลายองค์กรเรียกร้องให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน และนายกรัฐมนตรีต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นโดยอาศัยกลไกการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.นั้น ตนเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นองค์กรที่ถูกออกแบบขึ้นให้มีความเป็นอิสระในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของประเทศ ขณะที่รัฐบาลมีอำนาจเต็มตามกฎหมายที่สามารถใช้กลไกด้านการคลัง ดังนั้น ด้วยความเป็นอิสระซึ่งกันและกัน ทั้ง ธปท.และรัฐบาลควรให้เกียรติซึ่งกันและกันในการทำหน้าที่

รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา เราได้เห็นนายกรัฐมนตรีเชิญผู้ว่าการ ธปท.มาหารือ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีและสร้างสรรค์ที่ต่างฝ่ายต่างรับฟังกันถึงความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อกำหนดบทบาทของตัวเองว่าควรจะทำอะไรได้บ้างตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ดังนั้น การชี้นำหรือกดดันกันผ่านสื่อ แม้เป็นการอ้างถึงความต้องการขององค์กรหรือผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาหนี้สิน รวมถึงความต้องการในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารต้องใช้วิจารณญาณและวุฒิภาวะอย่างยิ่งว่าควรทำหรือไม่ เพราะอาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ในการทำงาน ด้วยความเป็นอิสระต่อกันตามหลักกฎหมาย และหลักการสากลของนานาประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศได้ในระยะยาวได้

น.ส.เจนจิรา กล่าวว่า สำหรับทางออกที่สมควรในเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายควรหารือร่วมกันและอดทนรับฟังซึ่งกันและกันให้มากขึ้น เพราะการเงินและการคลังจะต้องเดินไปในทิศทางเดียวกัน แต่ถ้าต่างคนต่างพูด ต่างอ้างอิสระในการกำหนดนโยบาย อาจเกิดความผิดพลาดจนทำให้ประเทศและประชาชนต้องผจญวิกฤติเหมือนที่เคยเกิดในอดีต