เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ใกล้หมดวาระ จะมีผลผูกพันอะไรเกี่ยวกับคดีของนายอุปกิต ปาจรียางกูร สว. หรือไม่ว่า คงต้องลองดู สว. จะหมดวาระวันที่ 11 พ.ค. ถ้าเทียบเคียงจากคดีของพรรคก้าวไกล หรือคดีของ 44 สส. ของพรรคก้าวไกล จากกรณีลงชื่อร่วมสนับสนุนในนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ต้องบอกว่าหน่วยงานองค์กรอิสระทั้งหลาย ทำหน้าที่ได้รวดเร็วมาก ตนก็อยากจะรู้ว่าบรรดาองค์กรอิสระจะทำงานรวดเร็วแบบนั้นหรือไม่ มากไปกว่านั้น คือความผิดสำเร็จแล้วก็เอาผิดได้ แม้ในท้ายที่สุด กระบวนการอาจจะเนิ่นนานและพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่หากความผิดสำเร็จแล้วก็สามารถดำเนินการได้ ในส่วนคดีของนายอุปกิต ซึ่งถูกฟ้องในลักษณะเดียวกัน ก็คงต้องไปดูว่า สุดท้ายแล้วศาลจะตัดสินเรื่องนี้อย่างไร

“ผมขอบอกไว้เลยว่า จุดประสงค์ของการแถลงข่าวครั้งนี้ ผมกังวลว่า สุดท้ายเราจะแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดไม่ได้แล้ว เพราะถ้าศาลไปบอกว่า จะต้องให้คนที่ทำหน้าที่ฟอกเงินกับคนขนยาเป็นคนเดียวกัน ก็จบ ไม่มีทางหรอก เครือข่ายพวกนี้ ทางที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่เก็บความลับ แต่ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือ อย่าให้มีความลับตั้งแต่ต้น คือไม่รู้จักกันเลย” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุผลเหล่านี้ หากเราอยากปราบปรามเครือข่ายยาเสพติด หากศาลจะใช้แนวทางเหล่านี้เป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคดี ศาลต้องมีคำตอบให้กับผู้ปฏิบัติทุกคน แล้วเช่นนี้ต่อไปตำรวจจะจับผู้ร้ายอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ตนเป็นห่วงจริงๆ และจริงๆ แล้ว เรื่องนี้ตนไม่อยากพูดอะไรมาก แต่เมื่ออ่านคำพิพากษาแล้วตนคิดว่า มันมีปัญหาเรื่องของการฟอกเงินอย่างมาก ที่ทำให้ตนไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาเรื่องของการฟอกเงินและยาเสพติดอย่างไร นี่จึงเป็นโจทย์ที่อยากให้บรรดาผู้พิพากษาทั้งหลายที่ทำหน้าที่อยู่ในศาลสถิตยุติธรรม ซึ่งหากอ่านคำพิพากษาของคดีวรวัฒน์ จะพบว่าควรต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์จริงๆ และไม่อยากเชื่อว่าหากนำคดีเหล่านี้มาเป็นบรรทัดฐาน ตนคิดว่าตำรวจจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

เมื่อถามว่า เรื่องยาเสพติดเกี่ยวข้องกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป สภาผู้แทนราษฎร จะมีการตรวจสอบเพิ่มอย่างไร นายรังสิมันต์ ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวว่า คงต้องมีการตรวจสอบ แต่กระบวนการไหนที่อยู่ในขั้นตอนศาล เราคงตรวจสอบในกลไกของ กมธ. ไม่ได้ แต่สิ่งที่เราต้องสร้างความชัดเจนคือ จะมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดอีกเยอะ หากเป็นเช่นนี้ ตนก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายาเสพติดแนวชายแดนอย่างไร เราคงต้องหาความชัดเจนในการตีความกฎหมายนี้ให้เจอ

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า เครือข่ายยาเสพติดขณะนี้ เขามีความซับซ้อน เขาไม่คุยกันในแชตแล้วว่าจะมีการส่งยา หรือหากมี ก็จะมีเพียงแค่บางระดับ ที่ไม่ใช่ระดับบิ๊กบอส ฉะนั้น ตนคิดว่าเราต้องช่วยกันสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้ แต่ กมธ. จะสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะไม่ได้มีอำนาจหรือหน้าที่ชี้ขาดทางกฎหมาย จึงต้องให้ศาล ที่จะเป็นคนสร้างบรรทัดฐาน.