เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีอุ้มบุญข้ามชาติ หมายเลขดำ อ.1172/2563 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้องนายจ้าวหลาน (Mr.RAN ZHAO) ชาวจีน จำเลยที่ 1, นางซู ยิงถิง (Mrs.Su Ying Tin) ภรรยานายจ้าวหลาน จำเลยที่ 2, นางวิลาสินี ซู พี่สาวของภรรยานายจ้าวหลาน จำเลยที่ 3, น.ส.หล้า ขันติโย จำเลยที่ 4, นายนิคม สิมารัตน์ จำเลยที่ 5, นายธรรมนูญ ปัญจสังคาม จำเลยที่ 6, น.ส.ศิญาพร สวัสดิ์พันธ์ จำเลยที่ 7, น.ส.วิยะดา เชื้อจันทร์ จำเลยที่ 8, นางสายบัว แจ่มมี จำเลยที่ 9, น.ส.เหอ เถิง เย่ว (MS.HE TENG YUE) ชาวจีน จำเลยที่ 10 และ นายนพพร เย็นใจ จำเลยที่ 11

ในความผิดฐาน สมคบกันและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์เพื่อประโยชน์แห่งการค้า และร่วมกันซื้อ เสนอขาย นำเข้าหรือส่งออก ซึ่งไข่หรือตัวอ่อนกรณีเมื่อปี 2558 พวกจำเลยซึ่งรวมตัวกันตั้งแต่ 3 คน เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยระหว่างปี 2558-2563 ได้ร่วมกันเป็นสมาชิกสมคบกันซื้อ เสนอขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งไข่ หรือตัวอ่อนโดยร่วมกันให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ด้วยการชักชวนและหญิงไทยหลายคนให้มารับจ้างตั้งครรภ์แทนคนอื่น และชักชวนหญิงไทยหลายคนเพื่อซื้อไข่ของหญิงดังกล่าวเพื่อนำไปผสมกับอสุจิของสามีผู้ประสงค์จะให้มีการตั้งครรภ์แทน ซึ่งจำเลยได้ค่าตอบแทนจากบุคคลดังกล่าว เหตุเกิดในกรุงเทพฯ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน

โดยระหว่างการพิจารณาคดีของศาล นายจ้าวหลาน จำเลยที่ 1, นายนิคม จำเลยที่ 5, นายธรรมนูญ จำเลยที่ 6 และ นายนพพร จำเลยที่ 11 ให้การรับสารภาพ ศาลจึงให้แยกฟ้องเป็นคดีใหม่อีกสำนวนหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 2, 3, 4 ,7, 8, 9 และ 10 ให้การปฏิเสธ ขณะที่ทั้งหมดถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า ในส่วนประเด็นความผิดฐานสมคบกันซื้อ เสนอขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งไข่ หรือตัวอ่อนโดยร่วมกันให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้านั้น พยานหลักฐานโจทก์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงที่ได้รับการเสนอให้ตั้งครรภ์แทนและไปคลอดบุตรในประเทศจีน กัมพูชา ลาว และรัสเซีย ซึ่งล้วนเป็นพยานบอกเล่า ที่เบิกความซัดทอดเพื่อให้ตัวเองพ้นจากความผิด

รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการโอนเงินเข้าบัญชีต่างๆว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอย่างไร โดยอ้างว่ามีนายจ้าวหลาน จำเลยที่ 1 เป็นนายทุนใหญ่ชาวจีนดำเนินการ ซึ่งพยานเหล่านี้ ศาลจะต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังรอบคอบ ชัดเจน แต่ปรากฏว่าพยานหลักฐานโจทก์ ยังมีข้อพิรุธสงสัยตามสมควร รวมทั้งโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบให้ชัดเจนถึงการกระทำความผิด พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอมาสนับสนุนให้ลงโทษ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2, 3, 4, 7, 8, 9 และ 10

อย่างไรก็ตามในส่วนประเด็นความผิดฐาน สมคบกันและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เห็นว่า จำเลยที่ 2, 3, 4, 7, 8, 9 และ 10 ได้ติดต่อพูดคุยและวางแผนกัน ซึ่งเข้าองค์ประกอบความผิดที่เป็นการกระทำความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีการกระทำความผิดมากกว่า 1 รัฐ จึงพิพากษาจำคุกจำเลย ที่ 2, 3, 4, 7, 8, 9 และ 10 คนละ 4 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี มีญาติของจำเลยทั้งชาวไทยและจีน มาเข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาด้วย ภายหลังศาลได้อ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟัง ผ่านล่ามภาษาจีนเสร็จแล้ว จำเลยบางรายถึงกับร้องไห้และสวมกอดกับญาติที่มาให้กำลังใจ ทั้งนี้จำเลยทั้ง 7 คน ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 มาจนครบ 4 ปีแล้ว เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ดังนั้นในวันนี้จำเลยทั้ง 7 คน จะได้รับการปล่อยตัวที่เรือนจำในช่วงค่ำวันนี้

สำหรับนายจ้าวหลาน จำเลยชาวจีนคนสำคัญ, นายนิคม จำเลยที่ 5, นายธรรมนูญ จำเลยที่ 6 และนายนพพร จำเลยที่ 11 นั้น ซึ่งให้การรับสารภาพทุกข้อหาในคดีนี้ ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ก.ย.2564 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556, พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานสมคบและร่วมกันมีส่วนร่วมองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จำคุก 4 ปี

ฐานร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้ารวม 55 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็น 110 ปี ฐานร่วมกันซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า หรือ ส่งออก ซึ่งไข่หรือตัวอ่อน รวม 36 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี เป็น 36 ปี รวมจำคุก นายจ้าวหลาน ชาวจีน, นายนิคม, นายธรรมนูญ และนายนพพร ทั้งสิ้นคนละ 150 ปี จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก คนละ 75 ปี อย่างไรก็ตามตามกฎหมายกำหนดให้จำคุกได้ไม่เกิน 50 ปี คงจำคุกจำเลยทั้งสี่ไว้คนละ 50 ปี

สำหรับบรรยากาศในห้องพิจารณาคดีมีญาติของจำเลยมาเข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาด้วย ซึ่งภายหลังศาลได้อ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ ให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ทั้งนี้จำเลยทั้งหมดถูกจำคุกเกินกว่าศาลลงโทษแล้ว ในวันนี้จึงจะได้รับการปล่อยตัว โดยจำเลยและญาติต่างได้ร้องไห้ด้วยความดีใจ พร้อมประสานกับทนายความทำเรื่องขอปล่อยตัว