เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตั้งโต๊ะแถลงพร้อมกันหลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียกทั้งคู่เข้าพูดคุยและเคลียร์ใจกันที่ทำเนียบรัฐบาล

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเชิญสื่อมวลชนเพื่อมารับทราบข้อมูลเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันในการเสนอข่าวและเพื่อไม่ให้เป็นการสับสนเพราะเป็นภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เห็นว่าภาพที่ปรากฏออกไปอาจทำให้หลายคนเข้าใจในการดำเนินการต่างๆ หลากหลายความคิด

ผบ.ตร. กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องคดีจากนี้ไปคดีที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมดจะส่งให้ ป.ป.ช. ทำคดีทั้งหมด เพื่อให้เป็นคนกลางในการทำให้เกิดความยุติธรรมซึ่งได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะกล่าวถึงภาพความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่า “คนนั้นพูดทีคนนี้พูดที” ส่วนตัวเคยพูดเสมอว่ามีการพูดคุยกับรองสุรเชษฐ์ตลอด บางทีไม่ได้เจอก็คุยผ่านลูกน้องตลอด ภาพเราไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พูดเสมอว่าเราจะต้องอยู่เหนือความขัดแย้ง

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการส่งมอบคดีให้ ป.ป.ช. เป็นคนดำเนินการทั้งหมด ซึ่งตนเป็นคนคิดและตัดสินใจ โดยโทรศัพท์ไปหาพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อชวนไปพบนายกรัฐมนตรี จากนั้นได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้รวมสำนวนคดีเว็บพนันทั้งสน.เตาปูน และสน.ทุ่งมหาเมฆ ไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อเพื่อความความยุติธรรมและไม่เกิดภาพของความขัดแย้งขึ้นอีก อีกอย่างเรื่องนี้ต้องไปเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการยุติธรรมอีกหลายหน่วยงานที่ต้องเข้ามาตรวจสอบเพื่อให้เกิดความยุติธรรมและได้มาตรฐานที่สุด

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ท่าน ผบ.ตร. ได้พาตนไปพบกับนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่ง ผบ.ตร. มีแนวคิดที่จะหยุดความขัดแย้งทั้งหมดในองค์กร เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องกลับมาตั้งแต่ รอง ผบ.ตร.หมายเลข 1 ลงไป จนถึงชั้นประทวนทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้บังคับบัญชาคนเดียว คือ ผบ.ตร. เพราะฉะนั้น นายกรัฐมนตรี ผบ.ตร. และตน มีความคิดเดียวกันคือต้องทำงานเดินหน้าให้ประชาชน

ส่วนสำนวนการสอบสวนเหมือนที่ ผบ.ตร.ได้บอกไป การพูดคุยในช่วงเช้าตนก็อยู่ด้วย ซึ่ง ผบ.ตร. เป็นคนเรียนนายกรัฐมนตรีเองว่าสำนวนเกี่ยวเนื่องทั้งหมด และจัดส่ง ป.ป.ช.ทั้งหมด

ทั้งนี้ขอเรียนในฐานะที่เคยทำงานด้านการสืบสวนสอบสวนถึงเรื่องหมายจับและหมายเรียก ว่า เมื่อมาถึง ป.ป.ช. ต้องเป็นกระบวนการของ ป.ป.ช. ส่วนจะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับหรือไม่นั้นต้องเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการของกฎหมาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า เรื่องเดิมเรื่องเก่าเราต้องไม่พูดคุยแล้ว เราต้องเดินหน้าทำงานให้ประชาชนอย่างเดียว วันนี้ผมเองก็ต้องทำงานช่วย ผบ.ตร. ทำงานขับเคลื่อนอย่างเดียว และการที่นัดแถลงวันนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าจากนี้ไปจะไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น จะไม่มีโซเชียลมีเดียใดๆ ทั้งสิ้น และสื่อมวลชนก็ต้องช่วยด้วยเช่นกัน อีกทั้ง ผบ.ตร.เองก็มีแนวคิดชัดเจนมั่นคงในการรับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ว่าจะนำพาองค์กรให้มีความสามัคคี และทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ย้ำว่าเราไม่ได้มีความขัดแย้งกันเลย เราฟังจากสื่อ และจากวันนี้ไปสื่อและโซเชียลมีการนำเสนออกไปว่า ผมออก-บิ๊กโจ๊กออก ขอบอกว่ามันไม่ใช่ผม 2 คนเลยนะ

“มันก็มีคนที่อยากให้เกิดความขัดแย้ง พี่น้องสื่อเองที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็แบ่งเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่ายใช่หรือไม่ พี่อยากให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนอีกตั้งเยอะแล้วทำไม ไม่โฟกัสพวกพี่เรื่องนี้ มัวแต่ไปโฟกัสเหมือนกับว่าพวกพี่ขัดแย้งกัน พี่ไม่เคยไปขัดแย้งกับใคร การจะเตะสกัดขา ทำไมพี่ต้องเตะบิ๊กโจ๊ก พี่เป็น ผบ.ตร. จากนี้ไปหากโลกโซเชียลมีมุม เราขัดแย้งกันขอยืนยันว่ามันไม่ใช่จากพี่หรือจากบิ๊กโจ๊กเลย แสดงว่าต้องมีขบวนการที่จะทำแบบนี้ แล้วพี่น้องประชาชนจะได้อะไรจากการที่เป็น ผบ.ตร. กับ รอง ผบ.ตร. หรือผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่ทำอะไร หากเป็นแบบนี้พี่รับไม่ได้” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าว

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า หากถามว่าเครียดหรือไม่ ยอมรับว่าเครียด แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด พยายามประนีประนอม ไม่ให้เกิดภาพของความขัดแย้ง อยากให้ลูกน้องมีความสุข และมีขวัญกำลังใจเพราะเราโดนกระโทกกระแทกมา แต่ไม่อยากให้เป็นประเด็น ไม่อยากให้ท่านนายกฯ กระทบด้วย ก่อนจะบอกว่า ท่านนายกฯ ขยันจะตาย ท่านไม่ได้หยุดเลยวันเสาร์อาทิตย์ ทำงานทุกวันจึงไม่อยากให้อยากเอาเรื่องพวกนี้ไปให้ท่านไม่สบายใจ และตนก็ไม่สบายใจจึงตัดสินใจไปพบนายกฯ ซึ่งคดีทั้งหมดจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. เราจะไม่เป็นเครื่องมือของใคร เราจะเป็นเครื่องมือของพี่น้องประชาชนตนอยากทำงานเพราะเหลือเวลาอีกแค่ 194-195 วัน เข้าสู่การนับเวลาถอยหลังซึ่งตนอยากทำทุกวันให้ดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อธิบายถึงการถูกออกหมายเรียกล่าสุด ข้อหาสมคบฟอกเงิน ซึ่งออกหมายโดย สน.ทุ่งสองห้อง ว่าตามกฎหมายล่าสุด ผบ.ตร. มีนโยบายส่งสำนวนทุกเรื่องให้ ป.ป.ช. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ส่วนการออกหมายเรียกข้อหาสมคบฟอกเงิน ซึ่งออกหมายโดย สน.ทุ่งสองห้อง ขอเรียนว่าตอนนั้นตนอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ แต่วันนี้หลักการรับหมายตาม ป.วิอาญา เจ้าตัวต้องรับหมาย หรือพ่อ แม่ และญาติรับ จะไปฝากไว้กับเด็กที่บ้านไม่ได้ ดังนั้น วันนี้ตนยังไม่ได้รับหมายเรียก กระบวนการยังไม่เริ่ม ส่วนที่เรียกไปวันไหนนั้นตนยังไม่รู้ เพราะยังไม่เห็นหมายเห็นแต่ในข่าวว่าวันที่ 21 มี.ค.67

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้สังคมมองว่าตำรวจขัดแย้ง เราต้องทำให้สังคมเชื่อมั่นว่าเราไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งต้องเริ่มจากการแถลงข่าว ให้สัญญาณประชาชนแล้วว่า วันนี้เวลานี้เราเริ่มสตาร์ทแล้ว เพราะฉะนั้นความสุขความสามัคคี ตำรวจที่ทำงานต้องมีความสุข ทุกคนก็เป็นลูกน้องของ ผบ.ตร. ยกตัวอย่างเช่น ตนก็ต้องกินข้าวกับ ผบ.ตร.ทุกวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ ท่านอยู่ที่ไหนก็ต้องขอไปกินกับท่าน แบบนี้แสดงว่าเป็นน้อง

เมื่อถามถึงประเด็นที่ พล.ต.ต.นำเกรียติ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก 1 ในผู้ต้องหาออกมาแฉว่ามี ภรรยา, พี่สาว และคนใกล้ชิด นายพล ต. พัวพันเว็บพนัน BNK Master เนื่องจากเส้นเงินถึงบุคคลดังกล่าว เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบวินัย อีกทั้งกรณีนี้ยังเป็นแค่การพูด ไม่มีตัวตน ส่วนลูกน้องตน 8 นาย ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันมินนี่ และถูกผบ. ตร. สั่งมาช่วยราชการที่ ศปก.ตร. ก็จะต้องช่วยราชการต่อไป ทั้งนี้ย้ำว่านั่งแถลงวันนี้ไม่ใช่ ตร.การละคร ไม่ใช่อีเว้นท์

เมื่อถามต่อถึงประเด็น พล.ต.ต.นำเกียรติ ที่ออกมาแฉเส้นเงินตำรวจเกี่ยวข้องกับเว็ปพนันบีเอ็นเค พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า อะไรที่เป็นคดีก็ว่าไป เอาหลักฐานไปพิสูจน์ที่ ป.ป.ช. แต่การทำงานต้องไม่ขัดแย้ง วันนี้เราต้องเสียสละเรื่องราวในอดีต ลูกน้องตนมีคดีก็ไปแก้เอา แต่วันนี้งานที่ ผบ.ตร.มอบหมายทุกหน้างาน ผู้บังคับบัญชาต้องทำเต็มที่ภายใต้ความไม่ขัดแย้ง วันนี้ต้องจบเซ็ตซีโร่

เมื่อถามต่อถึงประเด็นที่ พล.ต.ต.นำเกียรติ ออกมาแถลงผิดวินัยหรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ถ้าผิดวินัยก็ต้องดำเนินการ เราไม่ปกป้อง ถึงแม้เป็นลูกน้องก็ไม่ปกป้อง ตำรวจมีวินัยคุมอยู่ผิดก็ต้องว่าไป แต่วันนี้ในการแถลงข่าวตนกับ ผบ.ตร.เป็นจุดเริ่มต้นให้ประชาชนเชื่อมั่น และตำรวจเชื่อมั่นว่าเป็นลูกน้องของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เพียงคนเดียว จะต้องไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่งไม่เคยขัดแย้งกับใคร ด้วยศักดิ์ศรีของ ผบ.ตร.และลูกผู้ชายคนหนึ่ง ตนไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร แต่สิ่งหนึ่งคือฟังเขามา คิดไปเองนี้คือสั่งที่เราไปบังคับไม่ได้ แต่จิตใจไม่เคยเราอยู่กันแบบพี่น้อง ถึงตนจะไม่ได้จบจากโรงเรียนหลักแต่ทุกคนที่จบโรงเรียนหลักอยู่ในรั้วเดียวกัน ตำรวจไม่รักกันประชาชนจะได้อะไร ตนเป็นประชาชนมาก่อน อยากเห็นตำรวจเป็นอย่างไร ตนพยายามจะทำให้ เอาความรู้สึกของประชาชนมาใส่ในตัวตนแล้วทำให้ประชาชน

เมื่อถามว่าสำนวนไปอยู่ที่ ป.ป.ช.แล้ว จะเป็นการเปิดโอกาสให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เอาคืนกับพนักงานสอบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าวันนี้ที่เราคุยกัน คนที่จะเติบโตมาระดับนี้หรือคนที่จะมาเป็น ผบ.ตร. คุณธรรมต้องมานำ ถ้าไม่มีคุณธรรมฟ้าดินไม่ให้มาเป็นหรอก ถ้าไม่เชื่อผู้บังคับบัญชาองค์กรจะอยู่อย่างไร ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายต้องเชื่อใจกัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้กล่าวเสริมในประเด็นดังกล่าวว่า ถ้าตนทำแบบนั้น นายกฯ ด่าตนแน่นอน สังคมจะเห็นว่าตนทำเหมือนเดิมอีก ต้องไม่มีแล้ว ทุกคนต้องทำตามหน้าที่ วันนี้ต้องเสียสละเรื่องราวในอดีตต้องเซตซีโร่ใหม่เดินหน้าทำงานร่วมทุก ทุกอย่างจบบนโต๊ะได้ ตนเหลือเวลา 7 ปีเกษียณคงไม่มีใครขัดแย้งกันจนเกษียณ คุยกันแบบลูกผู้ชายก็จบแล้ว ทุกอย่างต้องให้อภัย การเป็นผู้บังคับบัญชาคนต้องรู้จักให้อภัย เราไม่มีอำนาจอยู่นานเราต้องให้อภัย ทุกอย่างจบได้ด้วยการให้อภัยแล้วจะจบด้วยดี แต่คดีก็ต้องเป็นคดีไป ไปชี้แจงที่ ป.ป.ช.ตามขั้นตอน แต่ที่ทำได้ตอนนี้คือความขัดแย้งต้องไม่มี วันนี้ถ้าไม่ชัดเจนลูกน้องจะแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่ถ้าชัดเจนลูกน้องไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายตนและ ผบ.ตร.อยากเห็นภาพแบบนี้ การฟ้องร้องกันไปมาเมื่อเรียกมาคุยก็ถอนฟ้องกันก็จบแบบลูกผู้ชาย ใครฟ้องใครก็เคลียร์ถอนฟ้องกันก็จบ เมื่อทุกอย่างคุยกันจบก็ต้องถอนฟ้อง ทุกอย่างจบด้วยการพูดคุย ยืนยันวันนี้ไม่มีอีเว้นท์ วันนี้ที่เราแถลงร่วมกันลูกน้องทั่วประเทศดีใจ เราต้องให้เขาทำงานอย่างสบายใจ ไม่มีอะไรต้องกังวล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า พล.ต.ต.นำเกียรติ ออกมาระบุถึงเส้นเงินเว็บพนันระบุตัวย่อหลายคนว่า ยังไม่มีการเอ่ยชื่อใคร ไม่ได้ระบุชื่อใคร ไม่มีตัวตน ส่วนไหนเป็นคดีก็ว่าไปแต่องค์กรต้องเดินหน้า

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวถึงประเด็นเดียวกันว่า ได้สั่งให้ตรวจสอบทางลับไปแล้วแต่มันยังไม่เป็นคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จทั้งคู่ได้เข้าสวมกอดกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชนให้เห็นว่าไม่มีความขัดแย้งกันแต่อย่างใด