เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นประธานในการมอบนโยบายให้กับตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาจากทั่วประเทศ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้การต้อนรับ

สำหรับการประชุมในวันนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่วานนี้ (20 มี.ค.) นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 14 และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ไปปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาราชการแทน

โดยในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด ว่า พวกเราทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ว่าเป็นความรับผิดชอบของทหาร หรือหน่วยชายแดน ส่วนเรื่องการปราบปรามหนี้นอกระบบ ขณะนี้ยังพบว่ามีการปล่อยให้มีการกู้ยืมเงินที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชน เป็นเรื่องที่ตนยังไม่เห็นว่า เรื่องนี้ที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ถูกบริหารจัดการได้ดีพอ การเข้าสู่ขั้นตอนประนอมหนี้ เจ้าหนี้ลูกหนี้ยังเข้าร่วมน้อย และประเด็นที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องผู้มีอิทธิพล ทำให้ประชาชนไม่อยากเข้าสู่ขั้นตอนการประนีประนอมหนี้ ฉะนั้นขอให้กำชับผู้บังคับการจังหวัดทุกคน ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้สำเร็จ ต้องประสานงานกับฝ่ายความมั่นคงอื่นๆด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การปราบปรามสินค้าเถื่อน หนีภาษี การลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายจากชายแดน รัฐบาลให้ความสำคัญมากกับเรื่องนี้ ฉะนั้นขอให้ทุกท่านพิจารณาเรื่องราคายางที่ปรับดีขึ้นมาได้ เป็นตัวอย่าง เพราะเรื่องดังกล่าว เกิดการบูรณาการร่วมกันของหลายหน่วยงาน รวมถึงการปราบปรามบ่อนการพนัน ขอให้เจ้าหน้าที่ยึดตามกฎหมายเป็นหลัก บ่อนพนันอย่าให้มีเกิดขึ้น การปราบปรามในส่วนพนันออนไลน์ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญมาก ใครที่ดูแลเรื่องนี้ขอให้เคร่งครัด

“ด้านอาวุธเถื่อน อาวุธสงคราม อาวุธปืน เป็นเรื่องที่ต้องมีการจัดการอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับเรื่องเผาป่า การควบคุมค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ฝ่ายความมั่นคง อย่างตำรวจ จะต้องช่วยกันทำงานร่วมกันบูรณาการทุกภาคส่วน จากที่ผ่านมาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้ทำไปแล้ว คือเริ่มจับกุมคนเผาป่าและมีรางวัลให้เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดี ตนเชื่อว่าพวกท่านมีอำนาจ น่าจะออกกฎเฉพาะกิจในพื้นที่นั้นๆ ไม่ให้เกิดการเผาป่าได้” นายเศรษฐา กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายท่องเที่ยวการดูแลนักท่องเที่ยว ต้องเน้นย้ำเพราะโยบายของรัฐบาลผลักดันให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว เรื่องของการคัดกรองบุคคล เรื่องต่างๆ เหล่านี้ ตนถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ รวมไปถึงผู้นำท่องเที่ยว หรือไกด์ การทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ทุกท่านที่อยู่ในพื้นที่รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นอะไร ใครทำอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นขอให้มีการกำชับการทำงานอย่างเร่งด่วน แต่ขอให้อย่าละเลยเรื่องการดูแลสวัสดิการของข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ตนขอคำตอบไป ว่าจะจัดการอย่างไรเรื่องนี้ ขอให้รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดินหน้าโดยเร็ว และประเด็นสุดท้าย ขอให้พวกเรากันเอง มีความสามัคคี ทุกคนก็เป็นคน มีการรักชอบใคร วันนี้ผมเชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าใจถึงปัญหาเรื่องนี้กันดีที่มันเกิดขึ้น เรื่องการสามัคคี เลือกข้างใคร เป็นลูกน้องใคร ตนเชื่อว่าเราเก็บความรักไว้ในใจตัวเองดีกว่า วันนี้ให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด

“ส่วนเรื่องคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์เมื่อวานนี้ ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรามีคณะกรรมการแล้ว 3 ท่าน หลังจากที่มีผลสรุปแล้ว ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะตัวของผมเอง ก็ยืนยันไม่ได้ฝักใฝ่ข้างใด เราอยู่ตรงนี้เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ถ้าเราอยู่ตรงนี้ได้ เราก็ดูแลพี่น้องต่อไปได้ องค์กรตำรวจแห่งชาติก็ได้ทำงานได้อย่างสมศักดิ์ศรี” นายเศรษฐา กล่าว

ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า ในทุกหัวข้อที่เข้าประชุม ตนได้เน้นย้ำทุกเรื่องให้ความสำคัญเท่ากัน เพราะประชาชนได้รับปัญหา ตนได้ย้ำว่า เรามาอยู่ตรงนี้ เรามาอยู่เพื่อพี่น้องประชาชน เรื่องที่จะไปก้าวก่ายใคร ไม่อยากให้มีเกิดขึ้นอีกแล้ว เราไม่ได้มีหน้าที่ให้ข่าวเพื่อสนับสนุนคนใดคนหนึ่ง เรามีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ทุกอย่างเรายึดตามกระบวนการยุติธรรมกระบวนการกฎหมาย ซึ่งขอยืนยันว่า ขณะนี้ทั้ง 2 ท่าน ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ อยู่ในขั้นตอนมีกรอบระยะเวลาตรวจสอบ ซึ่งตนก็มองว่าต้องเกิดขึ้นและสิ้นสุดให้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมใต้น้ำหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบครับ ถามต่อว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่ตอบคำถาม และกล่าวต่อว่า ตนมีหน้าที่รับปัญหามา ก็ต้องบริหารจัดการกันไป ผมว่าวันนี้เรื่องนี้เราจบกันได้ และเราเดินหน้าดีกว่า ดูแลปัญหาเรื่องยาเสพติด เรื่องพนันออนไลน์ เรื่องขโมย ทั้ง 2 ท่าน ที่มีปัญหาก็ไปอยู่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ขออย่าไปกดดัน อย่าชี้นำ ให้ปล่อยเวลากระบวนการยุติธรรมทำงาน ตัวท่านผู้รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน ฉะนั้นเราต้องกลับมาดูว่า ยืนอยู่ตรงนี้ เรายืนอยู่เพื่อใคร เรื่องดราม่าต่างๆ จบไปแล้ว น่าจะปราศจากการแทรกแซง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะถ้าเรามัวแต่ยุ่งแต่เรื่องนี้ประชาชนก็จะเดือดร้อน ทุกท่านจะไม่โฟกัสเรื่องการทำงาน ตนได้พูดคุยกับผู้รักษาการแล้วว่า ต้องทำอะไรบ้าง นโยบายที่รับมอบหมายนี้ให้ลงแต่ละหน่วยงาน

เมื่อถามว่าการลงนามโยกย้าย 2 นายพล เป็นเรื่องลำบากใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยาก ลำบากใจ ไม่สบายใจ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อจะให้เกิดความกระจ่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อสังคม ขณะนี้ยังไม่มีการแบ่งงาน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และตนมีภารกิจจำนวนมาก แต่คาดว่าวันนี้จะได้มีการพูดคุยกัน

เมื่อถามต่อว่า เหตุการณ์การตรวจสอบที่เกิดขึ้นในอดีต เคยมีการใช้คณะกรรมการจากภายนอกตั้งขึ้นมาสอบสวน แต่สุดท้ายเรื่องก็ยืดเยื้อและต้องกลับมาใช้คำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คาดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำถามถูกต้องแล้ว เรื่องนั้นเป็นอดีต แต่ตอนนี้เป็นปัจจุบัน ผู้นำคนละคนกัน

ทั้งนี้มีรายงานว่า ก่อนหน้าที่สื่อมวลชนจะได้เข้าไปร่วมรับฟังนโยบายในการแถลงวันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้พูดในที่ประชุมว่า หลังจากนี้การมอบหมายนโยบายและการแถลงข่าวที่สำคัญ ขอให้สื่อมวลชนเข้ามาติดตามได้ ซึ่งที่ผ่านมา ตนเองได้ย้ำให้สื่อมวลชนเข้าร่วมฟังในการแถลงมา 3 ครั้ง แล้วแต่ไม่มีใครปฏิบัติตาม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเชิญสื่อมวลชนทั้งหมดขึ้นมารับฟังการแถลงนโยบายในห้องประชุมจนจบ.