เมื่อวันที่ 21 มี.ค. เวลา 09.43 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางมารายงานตัวกับนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ทั้งสองมาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เป็นเวลา 60 วัน ในระหว่างรอผลจากการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะ เกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับมอบงานต่อไป

จากนั้น เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางเข้ามารายงานตัวต่อมา เดินทางมารายงานตัวต่อปลัด สปน. โดยให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าพบ ถึงข้อกังวลใจกับตำแหน่งในอนาคต หลังจากมีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า ไม่กังวลใจ เพราะเราเป็นข้าราชการ เมื่อรับมอบหมายอะไร เราก็ต้องทำและทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯ เน้นย้ำว่า ขอให้ข้าราชการตำรวจอย่าแบ่งฝ่าย แต่ให้ร่วมการรับใช้ชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ก็ทำอยู่แล้ว และนายกฯ ได้ให้แนวทางเรื่องความสามัคคีเป็นหลัก เมื่อถามว่าความเชื่อมั่นกับรายชื่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 3 คนหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่กังวลใจอะไร และเชื่อมั่น ก็ไม่มีอะไร เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าเรื่องคดีที่เกิดขึ้นกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนได้รับทราบว่าเรื่องดังกล่าวจะถูกส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงเป็นเรื่องของ ป.ป.ช. จะไปดำเนินการ ต่อข้อถามว่ากรณีที่มีการฟ้องร้องก่อนหน้านี้และฟ้องร้องเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ จะมีการถอนฟ้องหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผบ.ตร. จะนัดพูดคุยอีกครั้ง ก็ต้องเลิกกันไป เมื่อถามอีกว่าจะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเองหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า “ผมจะไปรับทราบข้อกล่าวหาไม่ได้ เพราะผมยังไม่ได้รับหมาย วันนี้ก็จะไม่เดินทางไป เพราะยังไม่ได้รับหมาย”

เมื่อถามว่าหลังจากนี้ ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่มีแล้ว ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องยุติทั้งหมด ไม่มีใครขัดแย้งกับใคร ตอนนี้ก็สบายใจอยู่แล้วไม่มีปัญหา และนอนหลับทุกวันอยู่แล้ว ไม่ได้เครียดอะไร การมาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เหมือนการกลับมาบ้านเก่า และการมาช่วยราชการครั้งนี้ ตนไม่มีอะไรแนะนำ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เพียงแต่เรียนท่านทราบว่าอยู่ห้องไหน อย่างไร ในฐานะที่ตนเคยมาช่วยราชการที่นี่มาก่อน ส่วนตนจะได้รับมอบหมายให้ไปดูงานในส่วนไหนนั้น ตนยังไม่ทราบ จึงต้องรอให้ปลัด สปน. มอบหมาย การมารอบนี้ก็เป็นปกติ ไม่มีอะไร มาทำหน้าที่ตามปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสั่งการไปถึงลูกน้องของตัวเองที่ต่างออกมาแถลงข่าวกันก่อนหน้านี้อย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนแถลงข่าวเมื่อวานนี้แล้วว่าทุกอย่างต้องยุติ และขอย้ำว่าต้องไม่มีความขัดแย้งในองค์กร ต้องเดินหน้าทำงานให้ประชาชน เมื่อถามว่าคิดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายในการมาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า อยู่ที่ผู้บังคับบัญชา ถ้าให้จะไปทำหน้าที่อะไร ก็ต้องไปทำหน้าที่นั้น เราต้องมีวินัย ผลงานที่ยังค้างอยู่นั้นตนไม่ห่วง

หลังจากทั้งสองเข้าพบปลัด สปน. นาน 30 นาที พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับมอบหมายให้ดูงานจิตอาสา ซึ่งตนทำอยู่แล้ว โดยให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลชุมนุมต่างๆ เนื่องจากเรา ผบ.ตร. และจะเดินทางเข้ามาทำงานทุกวัน แต่ยังคงต้องเข้าเวรราชองครักษ์อยู่

ผู้สื่อข่าวว่า นายกฯ ได้มอบนโยบาย ไม่ให้มีแบ่งฝ่ายใน สตช. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเราออกมาแล้ว ทำให้ สตช. ดีขึ้น ไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราอยู่กันแบบพี่น้อง ตนพยายามสร้างตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับตำแหน่งว่า เราจะทำบ้านให้เปลี่ยนแปลง แต่ออกมาในลักษณะนี้ นายกฯ จึงต้องเข้าไปจัดระเบียบ และตนเชื่อว่าในการบริหารราชการแผ่นดิน นายกฯ ทำหน้าที่บริหารได้อย่างถูกต้อง ตนรับและยินดีอยู่แล้ว ไม่ได้คิดหรือกังวลอะไร อยู่ที่นี่ก็ดี เรื่องรับงานเอกสารตนก็ทำอยู่แล้ว ขออย่าห่วงว่าจะเครียดหรืออะไร

เมื่อถามว่านายกฯ กล่าวว่า ให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อลุกมาแล้ว เรื่องของรักษาการ ผบ.ตร. จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้อีกแล้ว เมื่อถามย้ำว่าหนังสือย้ายเมื่อวานนี้ ใช่คำค่อนข้างรุนแรง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าเป็นหัวหน้าหน่วย ทำให้องค์กรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ เป็นความบกพร่อง เมื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารต้องกำกับดูแลในส่วนนี้ และยอมรับสภาพ คนรู้ว่าตนก็คาใจอยู่ ยังบอกกับบิ๊กโจ๊ก ว่า เราไม่ได้นั่งคุยกัน ที่ผ่านมาพยายามทำสภากาแฟ ให้พี่น้องได้มาคุยกัน เป็นพี่เป็นน้อง ไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่หัวหน้า ซึ่งก็โอเคในระดับหนึ่ง

เมื่อถามย้ำว่าที่โดนสั่งไปช่วยราชการครั้งนี้ เป็นเพราะจัดการเรื่องใน ตร. ไม่ได้ ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า “ใช่” พร้อมยกนิ้วโป้งขึ้น

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังรายงานตัวกับปลัด สปน. ถึงกระแสข่าวที่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องถึงออกมาเป็นเช่นนี้ ว่า ไม่เกี่ยว ส่วนการไปพบนั้น ไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยขบวนสำคัญ เพราะเป็นอดีตนายกฯ ไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น เรื่องใน สตช. เป็นการแก้ไขของนายกฯ เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน เมื่อถามย้ำว่าถูกมองว่าเป็นสายบ้านจันทร์ส่องหล้า ไปแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า ไม่มีสายไหน มีแต่เป็นรอง ผบ.ตร. เมื่อตอนนี้ให้มาทำหน้าที่นี้ ก็ต้องมาทำ

เมื่อถามย้ำว่า ได้อ่านคำสั่งย้ายที่ออกมาหรือไม่ เพราะ ผบ.ตร. ยอมรับว่า จากคำสั่งดังกล่าวก็เหมือนมีความขัดแย้งจริง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นายกฯ ต้องการที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน เพราะฉะนั้น วันนี้ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ เพื่อประชาชนและเพื่อส่วนรวม เรื่องส่วนตัวต้องทิ้งไปให้หมด วันนี้ก็ยังไม่มีการพบนายกฯ รวมถึงเลขาธิการนายกฯ มารายงานตัวกับปลัดสำนักนายกฯ ก็ถือว่าเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าจะมาทำงานทุกวันไม่มาไม่ได้ เพราะได้รับมอบหมายให้ดูงานด้านที่ปรึกษากฎหมาย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารต่างๆ และการกระจายอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าจะทำหน้าที่ได้ดี

เมื่อถามต่อว่าความขัดแย้งครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จบ ทุกอย่างก็ต้องจบ เพราะเมื่อวานก็คุยกันแล้ว ทุกอย่างต้องเรียบร้อย ซึ่งองค์กรต้องอยู่และต้องแข็งแรง เพื่อทำงานให้ประชาชนโดยไม่มีการแบ่งฝ่าย ก่อนย้ำว่าจะไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น

เมื่อถามว่าคนมอง “บิ๊กโจ๊ก” มีชีวิตที่ 10 และ 11 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า ไม่มีอะไรหรอก วันนี้ก็ทำหน้าที่ปกติ เขามีโอกาสให้ทำงานก็ต้องทำงาน เมื่อถามย้ำว่ารอบนี้จะฆ่าไม่ตายหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ เพราะก็ทำหน้าที่ไปตามปกติตามที่ได้รับมอบหมาย

เมื่อถามย้ำว่า เมื่อมีปัญหาทุกครั้งก็กลับมาได้ตลอดนั้น ได้มูเตลูอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้มู ทำหน้าที่ให้ดี เพราะการทำหน้าที่ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น มั่นใจ ศรัทธา และคลายความทุกข์ให้ได้ นี่คือหน้าที่ของข้าราชการแผ่นดินอยู่แล้ว เมื่อถามว่าทำไมยังยิ้มได้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนอารมณ์ดี นี่ก็กลับบ้านไง เรื่องนี้ตนไม่รู้มาก่อนและรู้พร้อมกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะได้กลับ ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ขึ้นอยู่กับนายกฯ ให้อยู่ไหนก็อยู่ตรงนั้น เพราะทุกที่สบายใจหมด อย่าไปคิดมาก

จากนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อมด้วย นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกฯ ได้เดินจากทำเนียบ มาดูห้องทำงานที่ชั้น 4 ภายในห้องศูนย์ประสานงานจิตอาสาภาครัฐ สำนักงาน ก.พ.เดิม ถนนพิษณุโลก ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวติดว่า “นี่เรายิ่งกว่าดาราอีก วันนี้มาดูห้องทำงาน จะเข้ามานั่งทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล” ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. เป็นต้นไปหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ติดราชการ 3 วัน ต้องดูภารกิจอื่นก่อน จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เดินตามมาสมทบ เพื่อเข้าไปพูดคุย โดยระบุว่าจะไปพูดถึงภารกิจอื่นที่ยังค้างอยู่ จากนั้นได้ไปดูห้องทำงานซึ่งอยู่ที่ชั้น 3 ของสำนักงาน ก.พ.เดิม