จากกรณีชายแต่งตัวดีขับรถกระบะ มาติดต่อขอยืมข้าวของภายในวัดเกาะแก้วเกษฎาราม ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวนหลายรายการ มูลค่ากว่า 50,000 บาท อ้างว่า ไปจัดงานบุญ ภายในหมู่บ้านจัดสรรใกล้กับวัด จนเวลาผ่านไปหลายวันไม่นำของมาคืนตามที่มีการตกลงเอาไว้ ทางวัดติดต่อไม่ได้ สอบถามไปที่หมู่บ้านพบไม่มีการจัดงานทำบุญ จึงรู้ว่าถูกหลอกเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง เพื่อดำเนินคดี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ไม่กลัวบาป! หลอกพระขอยืมของวัดไปจัดงานบุญ กลับหายจ้อยไม่ส่งคืน

ความคืบหน้าล่าสุด ภายหลังจากที่มีการนำเสนอข่าว และมีการโพสต์ลงไปตามสื่อโซเชียล ได้มีประชาชนแจ้งข้อมูลเบาะแสไปให้กับทางวัดเกาะแก้วเกษฎาราม พระครูปลัดทวีศักดิ์ สนฺตกาโย เจ้าอาวาส ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.นครหลวง ชุดสืบสวน สภ.บางปะอิน เข้าไปตรวจสอบที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 1 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน โดยพบรถกระบะ อีซูซุ สีบรอนซ์ ฝากระโปรงท้าย และฝากระบะสีดำตรงกับภาพตามกล้องวงจรปิด และพบตัวนายสุรชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ยืนอยู่หน้าบ้าน ตรงกับชายตามภาพกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปสอบถามข้อมูล ทันที่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงอาการตกใจ

จากนั้นได้พาเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน พบหม้อหุงข้าว ใบใหญ่ 2 ใบ ด้านข้างหม้อหุงข้าวยังเขียนชื่อของผู้ที่ทำบุญถวายให้วัด และฝาหม้อขนาดใหญ่ 2 ฝา กระบวยใหญ่ 2 อัน ซึ่งเครื่องครัวที่ตรวจพบเป็นของจากวัดอื่น ส่วนของของวัดเกาะแก้วเกษฎาราม เหลือเพียงฝาหม้อข้าว 2 ฝาเท่านั้น

สอบถาม นายสุรชัย ได้ให้การวกวนอ้างว่ามีเพื่อนของแม่ที่รู้จักกันบอกให้ตนไปยืมของจากวัดมาจริง เพื่อไปทำโต๊ะจีน และเพื่อนของแม่ที่รู้จักกันจะเป็นคนนำของกลับไปคืนวัดเอง ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะเอาของไปขาย หรือไปหลอกพระ ซึ่งของที่ยืมวัดตนเอามาไว้ที่บ้านและมีคนมารับของไป ตนมีหลักฐานทั้งหมด

“วันเกิดเหตุได้เข้าไปยืมเครื่องครัวจากวัดเกาะแก้วเกษฎาราม และวัดโพธิ์ทอง มีเพื่อนของแม่ ซึ่งรู้จักกัน ไหว้วานให้ช่วยไปยืมของวัด บอกจะไปทำโต๊ะจีน งานทำบุญ แต่ไม่ทราบจริงๆ ว่า ยังไมได้นำเครื่องครัวที่ยืมวัดมาไปคืน ซึ่งผมเองยังคิดว่าไปคืนแล้ว จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาที่บ้าน ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกพระ เอาของไปขาย เบอร์โทรที่เขียนไว้ยอมรับเขียนเบอร์โทรผิดไป 2 ตัว ถ้ามีเจตนาไม่ดี คงไม่เขียนเบอร์โทรให้สลับกัน” นายสุรชัย กล่าว

ด้าน พระครูปลัดทวีศักดิ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะทำ ข้าวของสิ่งของของวัด ญาติโยมถวายทำบุญให้วัด บางส่วนวัดต้องเสียเงินไปซื้อมา ให้ญาติโยมได้เอาไปใช้ มาทำแบบนี้ไม่รู้จะพูดอย่างไร ทำกรรมอะไรต้องได้รับผลกรรมนั้น ถือว่าเป็นบาปติดตัวก็ปล่อยให้รับผิดไปตามกระบวนการของกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อคำให้การของผู้ก่อเหตุ เนื่องจากการสืบสวนมีพยานหลักฐาน ว่า นายสุรชัย มีการนำเครื่องครัวที่ยืมจากวัดไปขาย ในราคา 18,250บาท หักค่ารถ 1,000 บาท คงเหลือ 17,250 บาท ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหายักยอกทรัพย์ และจะขยายผลไปยังผู้รับซื้อต่อไป.