เมื่อวันที่ 23 เม.ย.67 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ผู้นำระดับสูง ของกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์ชายแดน อำเภอแม่สอด  จังหวัดตาก    

ทั้งนี้ได้ร่วมรับฟังบรรยายสรุป จากหน่วยงานที่เกี่ยวของในพื้นที่ ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพบปะประชาชนชาวไทยในบริเวณพื้นที่บ้านริมเมย หมู่ 2 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด  และศึกษาสภาพภูมิสังคมการค้าตามแนวชายแดน บริเวณตลาดริมเมย และสะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา แห่งที่ 1  บ้านริมมเมย ตำบลท่าสายลวด  ทั้งนี้ สะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา แห่งที่ 1 บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ฝั่งไทย เปิดทำการตามปกติ แต่ฝั่งเมียนมายังไม่มีคนข้ามมาเนื่องจากระบบการออกหนังสือผ่านแดนชั่วคราวของเมียนมาขัดข้อง  ขณะที่สะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ 7  ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ยังคงปิดชั่วคราวต่อเนื่องเป็นวันที่ 4  แต่ทั้งนี้ ท่าข้ามธรรมชาติหลายแห่ง ยังสามารถรองรับรถบรรทุกที่จะขนส่งสินค้าไปฝั่งเมียนมาได้  ส่วนการดำเนินชีวิต ของประชาชนในพื้นที่ชายแดนยังคงปกติ

นายปานปรีย์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่มีการดูแลเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ชีวิตและทรัพย์สินคนไทยไม่ได้ถูกกระทบ ซึ่งหากคาดว่าประชาชนชาวไทยจะได้รับอันตราย จะมีการย้ายพี่น้องชาวไทยไปอยู่ในที่ปลอดภัย  การดูแลในส่วนของกองทัพบก กองทัพอากาศ และกระทรวงมหาดไทย ได้ดูแลอย่างดีมาก และที่สำคัญคือการเน้นไม่อนุญาตให้ใครล้ำอธิปไตยโดยเด็ดขาด หรือใช้พื้นที่ของไทย ไปทำกิจกรรมต่อต้านฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และยึดมั่นในการให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้ได้มอบหมายนโยบายไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งยังคงดำเนินการต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน นายอนุทิน กล่าวว่า ในการดูแลผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนนมา เรามีความจำเป็นต้องดูแล ตามหลักสิทธิมนุษยธรรม เมื่อเขามี  ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. ซึ่งสถานการณ์นั้นดีขึ้นตามลำดับ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทุกหน่วยงาน ซึ่งที่อยากจะกล่าวย้ำ คืออยากให้ความสงบใจแก่พี่น้องประชาชน  ที่มีญาติพี่น้อง ในจังหวัดตาก อำเภอแม่สอด ขอให้ความมั่นใจว่า นี้คืออธิปไตย ของประเทศเรา ไม่ใช่ว่าใครอยากจะมาทำร้าย คนของเขา มาชิงตัว กลับไปเป็นไปไม่ได้ เป็นอันขาด ฝ่ายความมั่นคงฝ่ายทหาร เรามีการเตรียมตัวอย่างเต็มที่   ซึ่งใครที่จะมาเที่ยว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ก็ขอให้มีความมั่นใจว่า สามารถมาได้ตามปกติ มาอุดหนุน มีตลาด การค้าชายแดน สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ก็อยากให้ทุกอย่างเป็นปกติ  แม่สอดถูกสถานการณ์โควิด ทำให้หลายอย่างถดถอยไปพอสมควร ไม่ควรให้เหตุการณ์ซึ่งเป็นปัญหาในประเทศเพื่อนบ้านมาทำร้ายโอกาศการเติบโตด้านเศรษฐกิจของเรา

ขณะที่ นายสุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่าสถานการณ์ ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ อยู่ในสถานการณ์ที่เรารับมือได้ เราเตรียมการในระดับปกติ ยังไม่จำเป็นต้องมีการยกระดับ การรับมือ ในภาคพื้นที่ดิน เรามีกองทัพภาคที่ 3 กองทัพบก มีชุดที่จะให้การดูแลความปลอดภัยแก่ราษฏร และสร้างความอุ่นใจบำรุงขวัญกำลังใจชาวบ้านได้ ส่วนทางอากาศ กองทัพอากาศก็มีขีดความสามารถที่จะสกัดยับยั่งได้ ซึ่งเรามีข้อตกลง กับทางเมียนมาว่า หากจะมีการใช้เครื่องบินขึ้นมา จะต้องมีการแจ้งเราก่อน หากเข้ามาในเขตใกล้ชิดพรมแดนเรา เราก็มีขีดความสามารถที่จะพร้อมขึ้น สกัดได้ทันที จากที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ยังไม่พบว่า มีการรุกล้ำทางอากาศ ถึงขึ้นเป็นภัย เรารับมือได้ ส่วนเรื่องผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา เราได้ร่วมกันกับกระทรวงต่างประเทศและหน่วยงานอื่น ได้มีการดำเนินการ ตามมาตรการคัดแยกเป็นกลุ่มๆ  เป็นกลุ่มชาวบ้านธรรมดา ฝ่ายปกครองเป็นหน่วยงานดำเนินการไป หากเป็นผู้รบหนีภัย ซึ่งเป็นทหารฝ่ายทหาร เราก็มีกรอบระเบียบดำเนินการอยู่ คือการปลดอาวุธ ควบคุม ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์ใดที่จะเกินกำลังที่เราจะดำเนินการได้ ยืนยันว่า ทั้งชีวิตทรัพยสินของชาวบ้าน และอธิปไตย ทางกองทัพ ให้ความมั่นใจได้ รับมือได้ในระดับปกติ.