สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ว่า กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เชิญอุปทูตจีนเข้าพบ เพื่อหารือและประท้วงอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ระหว่างเรือสนับสนุน “ยูไนซาห์ เมย์ โฟร์” หรือ “ยูเอ็มโฟร์” ของกองทัพฟิลิปปินส์ กับเรือตรวจการณ์ของหน่วยยามฝั่งจีน ใกล้กับแนวสันดอนโธมัสที่สอง บริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์ ในทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ทหารฟิลิปปินส์ ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย


ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงปักกิ่ง ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงการต่างประเทศจีนเช่นกัน ด้านนายกิลแบร์โต ทีโอโดโร รมว.กลาโหมฟิลิปปินส์ กล่าวว่า หากจีนยังคงยืนยันกรรมสิทธิ์ของตัวเอง เหนือพื้นที่แทบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ขอให้รัฐบาลปักกิ่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศร่วมกัน


ข้อมูลของกองทัพฟิลิปปินส์ระบุว่า เรือของจีนขยับส่วนหัวให้เข้ามาชนกับเรือยูเอ็มโฟร์ และยังฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่เรือของฟิลิปปินส์ เพื่อขัดขวางการเดินทางและสร้างความเสียหายให้กับตัวเรือ ที่อยู่ระหว่างการนำเสบียงไปส่งให้แก่ทหารฟิลิปปินส์ ซึ่งประจำการอยู่ที่แนวสันดอนอยุนงิน ซึ่งเป็นชื่อที่ฟิลิปปินส์ใช้เรียกแนวสันดอนโธมัสที่สอง


อนึ่ง สำนักงานยามฝั่งจีนกล่าวถึงเหตุการณ์เผชิญหน้านี้ว่า “ดำเนินการตามกฎหมาย” ต่อเรือของฟิลิปปินส์ ซึ่งรุกล้ำน่านน้ำบริเวณแนวสันดอนเหรินอ้าย ซึ่งเป็นชื่อที่จีนใช้เรียกแนวสันดอนโธมัสที่สอง


ด้านกระทรวงกลาโหมจีนออกแถลงการณ์ ขอให้ฟิลิปปินส์ “ยุติการเคลื่อนไหวอย่างยั่วยุ” และ “ท้าทาย” เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน ไม่ลังเลที่จะ “ใช้มาตรการเด็ดขาด” เพื่อปกป้องอธิปไตย สิทธิอันชอบธรรม และผลประโยชน์ทางทะเลของชาติ


อย่างไรก็ตาม อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (อันคลอส) ฉบับปี 2525 ระบุว่า แต่ละประเทศบนโลก มีอำนาจอธิปไตยเหนือทรัพยากรธรรมชาติ ที่อยู่ภายในอาณาเขตไม่เกิน 200 ไมล์ทะเล หรือ 370 กิโลเมตร จากชายฝั่ง ซึ่งหมู่เกาะสแปรตลีย์อยู่ห่างจากมณฑลไห่หนาน หรือเกาะไหหลำของจีน เป็นระยะทางเกือบ 1,000 กิโลเมตร.

เครดิตภาพ : AFP