เมื่อวันที่ 25 มี.ค. นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทั้งการผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปจากประเทศ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้า และส่งออกยาเสพติดทุกช่องทาง

โดยกรมศุลกากร สนธิกำลังกับหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport Interdiction Task Force: AITF) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย เฝ้าระวังและติดตามการกระทำผิดดังกล่าวอย่างเข้มงวด ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มี.ค. เจ้าหน้าที่กองสืบสวนและปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตรวจพบบัญชีรายชื่อผู้โดยสารชายที่มีความเสี่ยงว่าจะกระทำความผิด สัญชาติไนจีเรีย เดินทางมาจากเมืองโดฮา รัฐกาตาร์ ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

ซึ่งผู้ต้องสงสัยแสดงอาการพิรุธ จึงส่งตัวเข้าตรวจสอบตามระบบ ผลปรากฏว่า พบยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ซุกซ่อนอยู่ภายในร่างกายโดยวิธีการกลืน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 1,390 กรัม มูลค่า 4,170,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงทำบันทึกจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป.