รายงานข่าวจาก บริษัท เทพสมบัติ จำกัด ผู้ให้บริการรถโดยสารสมบัติทัวร์ แจ้งว่า เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่เดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 67 คาดว่าจะมีการเดินทางจำนวนมาก ขณะนี้มีผู้โดยสารทยอยจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าจำนวน 32 เส้นทาง ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ภาคเหนือ และ ภาคใต้ กว่า 60-70% และตั๋วโดยสารยังไม่เต็ม ผู้โดยสารสามารถจองตั๋วล่วงหน้าเดินทางสงกรานต์อย่างต่อเนื่อง

ส่วนแผนการจัดเดินรถสงกรานต์ปีนี้ จัดเตรียมรถโดยสารไว้บริการ 300 คัน และจัดเตรียมเที่ยววิ่งเสริมไว้ด้วย คาดว่าจะรองรับการเดินทางผู้โดยสารได้สูงสุด 7,000-8,000 คนต่อวัน และให้บริการเพียงพอ ซึ่งสงกรานต์ปีนี้ มองว่าผู้โดยสารทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย.67 เพราะมีวันหยุดวันจักรี 6 เม.ย.67 ผู้โดยสารบางคนลางานได้น่าจะเดินทางก่อน เพราะหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด ส่วนผู้โดยสารที่ลางานไม่ได้น่าจะมีการเดินทางตั้งแต่วันที่ 10-12 เม.ย.67 เป็นวันเดินทางมากที่สุด ซึ่งสงกรานต์ในปีนี้คาดว่าผู้โดยสารมาเลือกใช้บริการเดินทางด้วยรถโดยสารมากขึ้น เนื่องจากตั๋วโดยสารของสายการบินที่มีราคาแพง รวมทั้งเน้นย้ำการตรวจสภาพรถโดยสารให้มีความพร้อมใช้งาน และพนักงานขับรถต้องพักผ่อนเพียงพอ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร

นอกจากนี้สมบัติทัวร์มีแผนปรับเปลี่ยนรถโดยสารที่ใช้พลังงานสะอาด โดยจะปรับเปลี่ยนจากรถโดยสารเครื่องยนต์ดีเซล มาตรฐานยูโร 3 มาเป็นเครื่องยนต์ดีเซลมาตรฐานยูโร 5 ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้รถโดยสารเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 รวมทั้งช่วยยกระดับบริการรถโดยสารให้มีประสิทธิภาพความสะดวก และปลอดภัยมากขึ้น

โดยมีแผนจะปรับเปลี่ยนรถโดยสารมาตรฐานยูโร 5 จำนวน 300 คัน ใช้งบลงทุนประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะนำร่องผลิตรถโดยสารมาตรฐานยูโร 5 จำนวน 12 คันก่อน ขณะนี้บริษัทฯ ได้นำเข้าอุปกรณ์รถโดยสารจากต่างประเทศที่ไม่สามารถผลิตได้ในไทย เช่น แชสซีและเครื่องยนต์ เพื่อเตรียมผลิตและประกอบรถโดยสารมาตรฐานยูโร 5 ในประเทศไทย คาดว่าจะสามารถนำมาวิ่งให้บริการผู้โดยสารช่วงกลางปี 67 โดยจะกำหนดและสรุปเส้นทางที่นำมาให้บริการต่อไป เน้นเส้นทางที่รถโดยสารปลดระวาง เพราะมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี และเส้นทางที่ใช้บริการจำนวนมาก เช่น กรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-เชียงราย และ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต เป็นต้น

สำหรับรถโดยสารมาตรฐานยูโร 5 จะเป็นรถโดยสารชั้นเดียว ความยาว 13-15 เมตร จำนวน 33-40 ที่นั่งตามความเหมาะสม และเงื่อนไขการเดินรถในเส้นทางที่มีการให้บริการ เมื่อเทียบกับรถโดยสารยูโร 3 จะมีความเงียบ และปล่อยมลพิษทางอากาศน้อยกว่า รวมทั้งระบบความปลอดภัยที่มากขึ้น อาทิ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการควบคุมประเมินในเหตุการณ์ฉุกเฉิน กรณีระบบเบรก หากมีการตัดหน้าฉุกเฉิน และระบบเตือนในจุดอับ ทำให้ตอบโจทย์ด้านระบบขนส่งสาธารณะที่ใช้พลังงานสะอาด อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นำรถโดยสารมาตรฐานยูโร 5 มาวิ่งให้บริการผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ จะทยอยผลิตและประกอบรถโดยสารมาตรฐานยูโร 5 เพื่อนำมาให้บริการผู้โดยสารตามแผนที่จะปรับเปลี่ยนให้ครบ 300 คันต่อไป

ส่วนอนาคตบริษัทฯ มีแผนปรับเปลี่ยนรถโดยสารมาเป็นพลังงานไฟฟ้าหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล เพราะรถโดยสารพลังงานไฟฟ้ายังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมรรถนะรถที่มีการใช้งานจะเทียบเท่ากับรถโดยสารที่ใช้ดีเซลเป็นเชื้อเพลิงให้บริการในปัจจุบัน เรื่องระยะทาง เพราะให้บริการระยะทางไกล 400-800 กิโลเมตร (กม.) แบตเตอรี่ ประสิทธิภาพการใช้งาน และ ระบบการชาร์จประจุไฟฟ้า ต้องศึกษาข้อมูลให้มีความรอบด้านต่อไป