ร่วมแลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์เชิงลึกที่ทำแล้วเกิดขึ้นจริง เพื่อให้ภาคธุรกิจ รวมถึงนิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไป นำไปปรับใช้ได้จริงในธุรกิจ หรือในชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อสร้างผลลัพธ์การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

หนึ่งในองค์กรสำคัญที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเดินหน้า เริ่มจาก “ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC บริษัทเคมีภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมแชร์ประสบการณ์ หัวข้อภาคธุรกิจกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า ประเด็น ESG เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวขององค์กร โดยบริษัทมีเป้าหมายในการเดินหน้าองค์กรสู่ธุรกิจเติบโตควบคู่การลดคาร์บอน โดยตั้งเป้าหมาย Commitment to Net Zero ภายในปี 2050 หรือปี 2593 รวมทั้งบริษัทยังปรับ Portfolio มุ่งสู่ธุรกิจ High Value and Low Carbon ด้วย

90%คนสมัครจีซีสนใจ ESG

ปัจจุบัน GC มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนองค์กรภายใต้สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่องค์กรยั่งยืน ที่คงความสามารถในการทำกำไรด้วยผลิตภัณฑ์แห่งอนาคต โดยสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ ตอบสนองต่อความต้องการ คำนึงถึงสุขภาพ สังคมเมือง ที่จะช่วยให้อยู่ในสังคมเมืองได้ดี รวมถึงเรื่องดิจิทัล ซึ่งบริษัทดำเนินการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้อง
กับโลกที่เปลี่ยนแปลง

“คนรุ่นใหม่กว่า 90% ของผู้ที่มาสัมภาษณ์กับบริษัทฯ ได้ให้ความสนใจเรื่อง ESG อย่างมาก รวมไปถึงการแข่งขันในต่างประเทศ กำแพงทางราคา มาตรการภาษีต่าง ๆ บังคับให้ต้องมีเรื่องเหล่านี้เป็นภูมิคุ้มกัน นอกจากช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจแล้วยังช่วยในเรื่องของการแข่งขันระยะยาวในองค์กร”

วาง 3 ขั้นมุ่งสู่โลว์คาร์บอน

ทั้งนี้ GC เดินหน้าดำเนินธุรกิจ ภายใต้สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม คือ การเติบโตทางธุรกิจที่มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี บริหารจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุมครบทุกมิติ รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ โดยบริษัท วางกลยุทธ์ 3 Step Plus เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ High Value and Low Carbon ประกอบด้วย

1. Step Change : ยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

2. Step Out : แสวงหาโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่บริษัทระดับโลก และตอบโจทย์ธุรกิจ Low Carbon โดยที่ผ่านมาบริษัทร่วมกับ allnex ได้สร้าง Synergy และแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญที่มีทั้งด้านปฏิบัติการ และด้านนวัตกรรม โดยจะขยายความร่วมมือไปในด้านอื่นเพิ่มเติม เช่น ด้านความยั่งยืน หรือ Digitalization ในอนาคต โดยที่ผ่านมา GC และ allnex ได้ก่อตั้ง Thailand Innovation Hub เป็นศูนย์นวัตกรรม เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และอยู่ระหว่างการต่อยอดความร่วมมือไปยังบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่ม

3. Step Up : รักษาความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลกภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืนและการดำเนินงานด้าน Decarbonization ตามเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนตํ่า รวมถึง Enablers for Transformation หรือการเปลี่ยนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพร้อมสำหรับการเติบโต

“เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจเติบโตควบคู่การลดคาร์บอน บริษัทยังปรับ Portfolio มุ่งสู่ธุรกิจ High Value and Low Carbon โดยในกลุ่ม High Value ในกลุ่ม Specialty & Performance Chemicals มุ่งสู่ผลิตภัณฑ์ที่ทนทานมากขึ้น การต่อยอดธุรกิจใหม่ที่สร้างมูลค่า เพิ่มอัตราผลตอบแทนกำไรที่ดี วัสดุปลอดภัย และควบคู่กับการลดคาร์บอน เช่น ลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อย GHG รวมถึง Zero Carbon Footprint”

ไบโอฯสร้างรายได้ช่วยเกษตรกร

ขณะที่ธุรกิจ Bio-based โดยสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร มีสินค้าที่ย่อยสลายได้ ลดขยะพลาสติก มีผลิตภัณฑ์ทางเลือก Carbon Footprint ตํ่าที่สุด ลดการปล่อย GHG สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพลาสติกใช้แล้ว สร้างงานสร้างรายได้ รวมถึงประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมได้ ซึ่งจะเป็นในกลุ่มของ Circularity & Recycling

“การหมุนเวียน หรือระบบ Circularity & Recycling การรีไซเคิลจะช่วยทุกอย่างได้เยอะ โดยมีระบบการจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลาสติก โดยลดแล้ว 1,270 ล้านขวด นอกจากนี้ยังช่วยกับพันธมิตรจากทุกภาคส่วน ทั้งชุมชน โรงเรียน มหาวิทยาลัย และภาคส่วนต่าง ๆ ในการรวบรวมขยะพลาสติกใช้แล้ว เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะช่วยลดขยะ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน” ดร.คงกระพัน กล่าว

ทั้งนี้เป็นการมุ่งมั่นสร้างสรรค์ของ GC เพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนทุกคนดีขึ้น ด้วยแผนงานที่ชัดเจน ทำได้จริง และยังคงมุ่งสร้างความตระหนักรู้ไปสู่ผู้คนวงกว้าง พร้อมต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตร เดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero เพื่อส่งต่อโลกใบนี้ที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไปให้สำเร็จ.