เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 เม.ย. 67 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น ศาลรัฐธรรมนูญจัดประชุมทางวิชาการประจำปี เนื่องในโอกาส 26 ปีแห่งการสถาปนาศาลรัฐธรรมนูญ ในหัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ”  โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวเปิดการประชุมทางวิชาการประจำปี ตอนหนึ่ง ว่า ตลอด 26 ปีที่มีการสถาปนาศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ด้วยการปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย ดำรงหลักนิติธรรมของประเทศ รักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นไปตามหลักนิติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งในการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายมิให้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและแม้รัฐธรรมนูญจะมิได้กำหนดเงื่อนไขไว้ 

นายนครินทร์ กล่าวต่อว่า แต่การตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัตินั้น จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 4 ประการ กล่าวคือ 1.กฎหมายนั้นจะต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม เช่น หลักการตรากฎหมายที่จะต้องไม่มีผลย้อนหลังเพื่อลงโทษทางอาญาต่อบุคคล  ซึ่งเป็นไปตามหลักนิติธรรมที่ว่า “ไม่มีความผิด ไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมาย” อาทิ กรณีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 29/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กรณีการออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 41/2557 เรื่อง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว เป็นความผิด ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่เป็นการออกคำสั่ง เรียกให้มารายงานตัวก่อน แล้วออกประกาศกำหนดโทษของการกระทำดังกล่าว หรือกรณี พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ที่มีกำหนดข้อสันนิษฐานไว้ตั้งแต่เริ่มแรกว่า ถ้าบุคคลใดกระทำความผิด ให้กรรมการผู้จัดการของบริษัทหรือนิติบุคคลนั้นทุกคนต้องร่วมรับผิดไปด้วย โดยยังไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงใด ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากการทำหน้าที่ดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำการยกเลิกและแก้ไขกฎหมายที่มีบทบัญญัติในลักษณะเดียวกันทั้งหมดของประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 76 ฉบับ

นายนครินร์ กล่าวต่อว่า 2. กฎหมายต้องไม่เพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ  ซึ่งหลักการนี้เป็นหลักการใหม่ที่มีการนำมาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560  อันเป็นไปตาม “หลักความได้สัดส่วน” ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญอีกประการหนึ่งของศาลรัฐธรรมนูญนำมาใช้ประกอบการวินิจฉัยในคดีรัฐธรรมนูญ 3.การตรากฎหมายนั้นจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้ ซึ่งคำว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” เป็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่ในตัวบุคคลทุกคน หรือติดตัวอยู่กับทุกคนตั้งแต่เกิด ไม่อาจลบล้างได้ และ 4.การตรากฎหมายต้องมีการระบุเหตุผลความจำเป็นการในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ โดยกฎหมายนั้นจะต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป  ไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง

“นับแต่มีการก่อตั้งศาลรัฐธรรมนูญขึ้น เมื่อปี 41 จนถึงปัจจุบัน ได้มีคำร้องเข้าสู่การพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 1,881 คำร้อง โดยศาลมีคำวินิจฉัย จำนวน 812 คำวินิจฉัย และคำสั่ง จำนวน 1,047 คำสั่ง ซึ่งมีคดีร้องทุกข์ทางรัฐธรรมนูญ นับตั้งแต่ที่ได้มีขึ้นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญปี 50 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 586 คำร้อง โดยศาลมีคำวินิจฉัย จำนวน 6 คำวินิจฉัย และคำสั่ง จำนวน 570 คำสั่ง ศาลรัฐธรรมนูญยังคงยืนหยัดรักษาความชอบธรรม ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รักษาความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งพยายามที่จะสร้างบรรทัดฐานที่สำคัญทางรัฐธรรมนูญเพื่อให้ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการ หรือตรากฎหมายที่มุ่งไปในทางคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพให้กับประชาชนต่อไป” นายนครินทร์ กล่าว

ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวอีกว่า เมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนไป ศาลรัฐธรรมนูญพยายามปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล โดยได้พัฒนากระบวนการยุติธรรมที่อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงศาลรัฐธรรมนูญได้โดยง่าย ผ่านช่องทางเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เช่น ยื่นคำร้องผ่านทางระบบงานคดีรัฐธรรมนูญอิเล็กทรอนิกส์ ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ และในทุกประเภทคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม และไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งสามารถติดตามความคืบหน้าของคดีหรือผลคำวินิจฉัยหรือคำสั่งเกี่ยวกับคำร้อง ที่ได้ยื่นผ่านทางระบบงานคดีรัฐธรรมนูญอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นดังปณิธานของ ศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า ยึดหลักนิติธรรม ค้ำจุนประชาธิปไตย ห่วงใยสิทธิและเสรีภาพของประชาชน.