สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ว่า นายจอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล “คิดให้รอบคอบ” หากต้องการปฏิบัติการทางทหารตอบโต้อิหร่าน ที่ยิงขีปนาวุธและโดรนรวมกันมากกว่า 300 ลูก มายังอิสราเอล เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา


เคอร์บีย์กล่าวว่า สหรัฐ “ไม่ต้องการให้ความขัดแย้งขยายขอบเขต” และ “ไม่ต้องการให้สถานการณ์รุนแรงไปมากกว่าที่เป็นอยู่” ขณะเดียวกัน รัฐบาลวอชิงตันขอให้อิสราเอลเดินหน้าการเจรจากับกลุ่มฮามาส เพื่อการหยุดยิงครั้งใหม่ในฉนวนกาซา


การแถลงดังกล่าวของทำเนียบขาว สอดคล้องกับรายงานของสื่อมวลชนหลายแห่ง ที่เผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ ว่าไบเดนยืนยัน การมอบความสนับสุนนอย่างเต็มที่ของสหรัฐให้แก่อิสราเอล เพื่อรับมือและเผชิญหน้ากับการคุกคามจากอิหร่าน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตัน “ไม่สนับสนุนและไม่ประสงค์เข้าร่วม” หากอิสราเอลต้องการโจมตีตอบโต้อิหร่าน


อนึ่ง นับเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ที่อิหร่านโจมตีโดยตรงต่ออิสราเอล เพื่อตอบโต้เหตุการณ์โจมตีสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านในซีเรีย ซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่กองกำลังปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) เสียชีวิต 7 นาย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ รัฐบาลเตหะรานยืนยัน เป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งระบุว่า “รัฐสมาชิกมีความชอบธรรมในการป้องกันตนเองโดยรวม หากเผชิญกับการโจมตีที่เกิดขึ้นภายในขอบเขตอำนาจอธิปไตย” พร้อมทั้งเตือนว่า “สหรัฐไม่ควรเข้ามายุ่ง” และหากมีการตอบโต้จากอิสราเอล การโต้กลับของอิหร่านในอนาคต “จะรุนแรงมากกว่าเดิม”.

เครดิตภาพ : AFP