สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 16 เม.ย. เกี่ยวกับความคืบหน้า หลังกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ยิงขีปนาวุธและโดรนรวมกันมากกว่า 300 ลูก มายังอิสราเอล เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้เหตุการณ์โจมตีสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านในซีเรีย ซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไออาร์จีซี เสียชีวิต 7 นาย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา และอิหร่านเชื่อมั่นว่า อิสราเอลเป็นผู้ลงมือ โดยนับเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ที่อิหร่านโจมตีโดยตรงต่ออิสราเอล


สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ สำหรับเดือน มิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 46 เซนต์ (ราว 16.92 บาท) หรือ 0.5% มาอยู่ที่ 90.56 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (ราว 3,313.29 บาท) เมื่อเวลา 00.05 น. ตามเวลามาตรฐานสากลของวันอังคาร (07.05 น. ตามเวลาในประเทศไทย)

ส่วนสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์ เทกซัส อีเทอร์มีเดียต หรือ ดับเบิลยูทีไอ ของสหรัฐ งวดเดือน พ.ค. อยู่ที่ 85.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (ราว 3,157.67 บาท) เมื่อช่วงเวลาเดียวกัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 43 เซนต์ (ราว 15.82 บาท) หรือ 0.5%


นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า การที่อิหร่านยิงขีปนาวุธและโดรนจำนวนในมากใส่อิสราเอล ยิ่งเป็นการบ่งชี้ว่า อิหร่านคือภัยคุกคามต่อสันติภาพโลก และนานาประเทศต้องยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล เพื่อเผชิญหน้ากับความก้าวร้าวของอิหร่าน


ขณะที่ พล.ท.เฮอร์ซี ฮาเลวี ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมอิสราเอล ยืนยันว่า กองทัพอิสราเอล “จะตอบโต้” การโจมตีของอิหร่าน แต่ยังไม่ได้กล่าวว่าจะปฏิบัติการเมื่อใด และจะทำอย่างไร แม้คณะรัฐมนตรีสงครามอิสราเอลมีมติให้ตอบโต้


ด้านนายโมฮัมหมัด จามชิดี รองที่ปรึกษานโยบายการเมืองของประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซี ผู้นำอิหร่าน กล่าวว่า “หมดยุคของความอดทนทางยุทธศาสตร์” หากอิสราเอลยังคงโจมตีเจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของอิหร่านในประเทศแห่งใดอีก การตอบโต้จะรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES