กรณี ชุดพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ขอศาลอาญาออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายเว็บพนัน “BNK Master” โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พักพาล รอง ผบ.ตร. ในข้อหาฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 10 โดยก่อนหน้านี้มีศาลมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย เป็นตำรวจ 3 นาย และพลเรือน 1 ราย โดยทั้งหมดมอบตัวที่ สน.เตาปูน พร้อมวางหลักทรัพย์ประกันตัวในชั้นสอบสวน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
‘บิ๊กต่าย’ เซ็นตั้ง พล.ต.อ.สราวุฒิ เป็นประธานสอบ ‘บิ๊กโจ๊ก’ พร้อมพวก 5 คน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางชุดพนักงานสอบสวนคดีเว็บพนัน “BNK Master” เตรียมนำเอกสารสำนวนทั้งหมด ส่งให้กับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ (25 มี.ค. 67) พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน แจ้งความเอาผิด พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องคดีเว็บพนัน “BNK Master” ดำเนินคดีตามมาตรา 157 และมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตัวเอง โดย พ.ต.ท.คริษฐ์ จึงเข้ามอบตัวในวันดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้ทางชุดพนักงานสอบสวนคดีนี้ จึงจำเป็นต้องนำสำนวนคดีเว็บพนัน “BNK Master” ทั้งหมด ไปยื่นให้กับ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนกฎหมาย ที่มีการแจ้งความร้องทุกข์ในเรื่อง มาตรา 157 และมาตรา 149 ซึ่งเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ตำรวจต้องให้ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณาภายใน 30 วัน
ประกอบกับชุดพนักงานสอบสวนต้องเอาสำนวน ไปชี้แจ้งกับทาง ป.ป.ช. ถึงข้อเท็จจริงว่า กรณีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ที่ถูก พ.ต.อ.ดุสิต กล่าวหานั้น เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ และมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ถือเป็นการกล่าวหาโดยไม่มีพยานหลักฐานมาประกอบ และเพื่อแยกออกจากสำนวนหลัก ในคดีทีมี่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้ต้องหาด้วย โดยพนักงานสอบสวนจะมีการชี้แจงว่าสำนวนคดีดังกล่าว อยู่ในอำนาจศาลอาญา ซึ่งไม่เกี่ยวกับ ทาง ป.ป.ช.
มีรายงานด้วยว่า เมื่อสำนวนดังกล่าวถึงมือ ป.ป.ช. แล้ว ก็มีสิทธิในพิจารณา แต่ไม่สามารถให้ตำรวจยุติการทำสำนวนต่อได้ ซึ่งหาก ป.ป.ช. พิจารณาโดยไม่คำนึงความถูกต้อง ก็อาจมีสิทธิถูกดำเนินคดีข้อหามาตรา 157 ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อส่งสำนวนดังกล่าวไปให้ทาง ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว อำนาจในการสอบสวนของชุดพนักงานสอบสวนจะต้องยุติลงก่อน รวมถึงหาก ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนส่วนของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ในข้อหา ม.157 และ ม.149 ว่าไม่มีมูลความผิดนั้น พ.ต.อ.ดุสิต ก็มีสิทธิจะถูกดำเนินคดีกลับในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จฯ ด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องกรอบเวลาตามระบบกฎหมายระบุว่า หากทาง ป.ป.ช. พิจารณาแล้วว่าไม่อยู่ในอำนาจของตน ต้องส่งสำนวนทั้งหมดคืนให้พนักงานสอบสวน หรือตำรวจ ภายใน 30 วัน