เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 67 นพ.สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย แพทย์หญิงเอื้อมพร พูนกล้า หัวหน้ากลุ่มอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม สถาบันราชประชาสมาสัย, นายแพทย์พราน ไพรสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี นายมานะ เปาทุย สาธารณสุขอำเภอเมืองสมุทรสาคร ตลอดจนคณะแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลสมุทรสาคร, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 5 สมุทรสงคราม และ กรมควบคุมโรค ได้มาร่วมกันจัดการประชุมประชาคมรับฟังความคิดเห็นประชาชนและให้ความรู้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในซอยกองพนันพล หมู่ที่ 2 ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร กรณีการตรวจพบกากแคดเมียม และกากสังกะสีในจังหวัดสมุทรสาคร นอกจากนี้ยังได้มีบริการตรวจหาสารแคดเมียมในร่างกายจากปัสสาวะ ให้แก่พี่น้องประชาชนที่ยังไม่เคยได้เข้ารับการตรวจเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งในส่วนของทีมสอบสวนโรค โดยกรมควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และ อสม. ยังได้ร่วมกันลงพื้นที่ไปสอบสวนหาสาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อการรับสารแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายของประชาชนที่ตรวจพบว่ามีค่าของสารแคดเมียมสูงเกินมากกว่าเกณฑ์ค่ากลางที่กำหนดไว้จำนวน 5 คน จากรอบแรกที่ตรวจไปทั้งหมด 33 คน


นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า จุดประสงค์หลักในวันนี้คือ การลงพื้นที่เพื่อมาให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชนอีกครั้ง เกี่ยวกับเรื่องของสถานการณ์มลพิษสิ่งแวดล้อม กรณีการตรวจพบกากแคดเมียมและกากสังกะสี ในจังหวัดสมุทรสาคร และการดำเนินการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวในช่วงระหว่างที่รอการขนย้ายกากสารแคดเมียมออกจากพื้นที่ การให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกากแคดเมียม, ความรู้ในการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากปัญหาแคดเมียม การให้คำแนะนำและสาธิตวิธีการล้างผัก การให้คำปรึกษาในการดูแลสุขภาพ ตลอดจน การตอบข้อซักถามของพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับทางด้านสุขภาพที่อาจจะได้รับผลกระทบมาจากกากแคดเมียมที่ตรวจพบในโรงงานแห่งหนึ่ง


นพ.สุรวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนของประชาชนกลุ่มแรกที่มีการตรวจหาสารแคดเมียมไปเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 จำนวน 33 ราย พบสารแคดเมียมสูงในร่างกายจำนวน 17 ราย แต่สูงเกินกว่าค่ากลางตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้จำนวน 5 รายนั้น ก็ได้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสมุทรสาคร เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแต่ละคนยังมีอาการปกติดี และใช้ชีวิตได้ดังเดิม ส่วนวิธีการบำบัดรักษาก็เป็นไปในแนวทางเดียวกับกลุ่มคนงานที่ตรวจพบ ขณะที่เส้นทางการรับสารแคดเมียมในร่างกายของชาวบ้านที่พบสูงเกินเกณฑ์มาจากไหนนั้น ในเรื่องนี้ยังไม่สามารถระบุความชัดเจนได้ ต้องรอการสอบสวนโรคก่อน เพราะคนเราสามารถรับสารแคดเมียมได้จากหลายทิศทาง และที่จะเป็นข้อบ่งชี้ได้ในอนาคตอีกอย่างหนึ่งคือ ภายหลังจากนี้เมื่อมีการเฝ้าระวังทั้งในกลุ่มประชากร สิ่งแวดล้อม และปิดโรงงานที่ตรวจพบกากแคดเมียมไปแล้วนั้น หากในอีก 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปีข้างหน้า เมื่อมีการตรวจซ้ำแล้วพบว่า ยังมีประชาชนได้รับสารแคดเมียมในร่างกายสูงอยู่เหมือนเดิม ก็แสดงว่า อาจจะมีแหล่งอื่นที่เป็นตัวแพร่กระจายของสารแคดเมียมได้อีก แต่ถ้าหากตรวจในร่างกายของชาวบ้านแล้วไม่พบความผิดปกติใดๆ เพิ่มขึ้น ก็แสดงว่าสารแคดเมียมนั้น มาจากแหล่งเดียวคือโรงงานแห่งแรกเท่านั้น ดังนั้นนอกจากวันนี้จะมีการสอบสวนโรค พร้อมกับ เก็บตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวของผู้ที่ตรวจพบสารในร่างกาย เพื่อไปหาเส้นทางการรับสารแคดเมียมที่สูงเกินเกณฑ์ของทั้ง 5 คนแล้ว ยังต้องรอดูผลการตรวจติดตามในระยะยาวอีกด้วยว่า จะยังคงมีการตรวจพบผู้ที่ได้รับสารแคดเมียมเพิ่มขึ้นหรือไม่


นพ.สุรวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า สำหรับความกังวลใจของพี่น้องประชาชนในขณะนี้ ก็ขอให้ผ่อนคลายลงเพราะเชื่อได้ว่า ด้วยมาตรการต่างๆ ที่ออกมานั้น จะช่วยป้องกันและดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถขอคำปรึกษาหรือเข้ารับการตรวจหาสารแคดเมียมในร่างกายได้ฟรีที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ขณะที่ข้อวิตกถึงความปลอดภัยในช่วงที่จะมีการขนย้ายกากแคดเมียมออกจากโรงงานกลับไปสู่จังหวัดตากนั้น ตรงส่วนนี้ก็ยืนยันได้ว่า ตามแผนที่แต่ละหน่วยงานได้ร่วมกันวางไว้นั้น กระบวนการทุกขึ้นตอนจะเป็นไปอย่างรัดกุมมากที่สุด เพื่อสร้างความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชนตลอดเส้นทางที่รถขนส่งเคลื่อนย้ายผ่านไป รวมถึงยังต้องเกิดความปลอดภัยต่อผู้ที่ขนย้ายอีกด้วย.